พาสปอร์ต ..กุญแจสู่การเดินทางรอบโลกที่คุณต้องมี

พาสปอร์ต เมื่อพูดถึงการเดินทางไปต่างประเทศ “พาสปอร์ต” คือสิ่งแรกที่ทุกคนต้องเตรียมพร้อม เพราะมันเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่เปิดประตูสู่โลกกว้าง ไม่ว่าคุณจะวางแผนไปท่องเที่ยว เรียนต่อ ทำงาน หรือเยี่ยมเยียนครอบครัวในต่างแดน การมีพาสปอร์ตที่ถูกต้องและพร้อมใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ บทความนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพาสปอร์ต ตั้งแต่ขั้นตอนการทำ การต่ออายุ เอกสารที่ต้องใช้ ไปจนถึงคำแนะนำที่ช่วยให้การจัดการเรื่องพาสปอร์ตของคุณเป็นเรื่องง่ายและราบรื่น เพื่อให้คุณพร้อมสำหรับการเดินทางในทุกจุดหมายปลายทาง

.

พาสปอร์ต
หนังสือเดินทางไทย

.

พาสปอร์ต เกิดขึ้นได้อย่างไร?

พาสปอร์ต หรือหนังสือเดินทาง (Passport) มีต้นกำเนิดจากความจำเป็นในการควบคุมการเดินทางของผู้คนในอดีตครับ โดยแนวคิดของพาสปอร์ตนั้นสามารถย้อนกลับไปได้ถึงยุคโบราณ เมื่อผู้ปกครองหรือเจ้าผู้ครองรัฐออกเอกสารหรือคำสั่งให้กับผู้เดินทางเพื่อใช้แสดงว่าได้รับอนุญาตให้ผ่านดินแดนหรือประเทศหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง

.

จุดเริ่มต้นในประวัติศาสตร์

1️⃣ ยุคโบราณ ในช่วง 450 ปีก่อนคริสตกาล มีหลักฐานว่า “พาสปอร์ต” ในรูปแบบเอกสารอนุญาตการเดินทางได้ถูกใช้งานในอาณาจักรเปอร์เซีย ผู้เดินทางจะได้รับจดหมายรับรองที่เขียนโดยกษัตริย์หรือผู้ปกครองอนุญาตให้เดินทางผ่านเส้นทางและอาณาเขตต่าง ๆ

2️⃣ ยุคกลางในยุโรป ในยุโรปช่วงยุคกลาง กษัตริย์และเจ้าผู้ครองรัฐจะออกเอกสารที่มีลักษณะคล้ายพาสปอร์ตเพื่อให้พลเมืองของตนสามารถเดินทางผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ได้ เอกสารเหล่านี้มักมีคำรับรองหรือแม้กระทั่งคำสั่งให้ผู้ถือได้รับความปลอดภัยระหว่างการเดินทาง

3️⃣ ต้นแบบพาสปอร์ตในยุคใหม่ ในศตวรรษที่ 15 กษัตริย์เฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษได้ริเริ่มการออกเอกสารที่มีลักษณะคล้ายพาสปอร์ตสำหรับชาวอังกฤษที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ เอกสารนี้ระบุชื่อผู้ถือ และรับรองว่าเป็นพลเมืองของอังกฤษ

.

พาสปอร์ตในยุคสากล

การใช้พาสปอร์ตในรูปแบบที่เราเห็นในปัจจุบันเริ่มเป็นที่แพร่หลายในศตวรรษที่ 20 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อประเทศต่าง ๆ ในยุโรปตระหนักถึงความจำเป็นในการควบคุมการเดินทางและระบุตัวตนของผู้คน การประชุมที่สันนิบาตชาติ (League of Nations) ในปี 1920 ได้วางแนวทางเกี่ยวกับการใช้พาสปอร์ตอย่างเป็นสากล รวมถึงการกำหนดรูปแบบ ข้อมูลที่ต้องปรากฏ และการออกเอกสารนี้ให้ใช้ได้ในทุกประเทศ

หลังจาก การประชุมสันนิบาตชาติ (League of Nations) ในปี 1920 ที่ได้กำหนดแนวทางการใช้พาสปอร์ตอย่างเป็นสากล การใช้งานพาสปอร์ตจึงเริ่มถูกนำมาใช้อย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกาเหนือ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีความต้องการเดินทางข้ามประเทศเพื่อการค้า การเมือง และการท่องเที่ยวในระดับสูง

.

ประเทศที่ริเริ่มใช้พาสปอร์ตในรูปแบบมาตรฐาน

1 กลุ่มประเทศยุโรป ประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี เป็นประเทศแรก ๆ ที่เริ่มใช้พาสปอร์ตในรูปแบบมาตรฐานที่มีข้อมูลระบุชื่อ สัญชาติ และลายเซ็นของผู้ถือเอกสารหลังปี 1920

🇬🇧 อังกฤษ ถือเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญ เนื่องจากการริเริ่มใช้พาสปอร์ตมาตรฐานที่มีหน้าปกและข้อมูลตามแนวทางที่สันนิบาตชาติกำหนดในช่วงทศวรรษที่ 1920

🇨🇵🇩🇪 ฝรั่งเศสและเยอรมนี ปฏิบัติตามมาตรฐานนี้อย่างรวดเร็วเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศและควบคุมการเข้า-ออกของผู้คน

2 อเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกาและแคนาดาเริ่มใช้งานพาสปอร์ตที่คล้ายคลึงกับมาตรฐานของสันนิบาตชาติในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เพื่อรองรับการเดินทางระหว่างประเทศและตรวจสอบสถานะของพลเมือง

.

การแพร่กระจายการใช้พาสปอร์ตทั่วโลก

🎴 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (1945) การเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นทั้งในเชิงธุรกิจ การเมือง และการท่องเที่ยว หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ได้รับบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ ใช้พาสปอร์ตในมาตรฐานเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางระหว่างประเทศ

🎴 ข้อตกลงระดับภูมิภาค ข้อตกลงเช่น สนธิสัญญาเชงเก้น (Schengen Agreement) ในยุโรปที่เปิดเสรีการเดินทางภายในกลุ่มประเทศสมาชิก ทำให้พาสปอร์ตกลายเป็นเอกสารที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เดินทางข้ามพรมแดน

🎴 การขยายตัวในเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 การเดินทางข้ามประเทศเริ่มขยายตัวมากขึ้นในภูมิภาคเหล่านี้ โดยพาสปอร์ตได้รับการยอมรับและใช้อย่างกว้างขวางหลังจากการปลดปล่อยอาณานิคม

.

พาสปอร์ตในยุคดิจิทัล

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 พาสปอร์ตเริ่มถูกพัฒนาในรูปแบบที่ทันสมัย เช่น พาสปอร์ตอิเล็กทรอนิกส์ (e-Passport) ซึ่งฝังชิปที่มีข้อมูลทางชีวภาพ เช่น ลายนิ้วมือและภาพถ่ายดิจิทัล การพัฒนาเหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและลดความเสี่ยงของการปลอมแปลง

ปัจจุบัน พาสปอร์ตได้กลายเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ระบุตัวตนและยืนยันความเป็นพลเมืองในระดับสากล ซึ่งช่วยให้การเดินทางระหว่างประเทศสะดวก ปลอดภัย และเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกมุมโลก

.

“เกร็ดความรู้ :

ศตวรรษ หมายถึงช่วงเวลา 100 ปี หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “หนึ่งร้อยปี” คำว่า “ศตวรรษ” มาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤต โดย “ศต” แปลว่า ร้อย และ “วรรษ” แปลว่า ปี

การนับศตวรรษ

– ศตวรรษที่ 1 ปี ค.ศ. 1 – ค.ศ. 100

– ศตวรรษที่ 2 ปี ค.ศ. 101 – ค.ศ. 200

– ศตวรรษที่ 20 ปี ค.ศ. 1901 – ค.ศ. 2000

– ศตวรรษที่ 21 ปี ค.ศ. 2001 – ค.ศ. 2100

ดังนั้นเมื่อกล่าวถึง “ศตวรรษที่ 20” จะหมายถึงช่วงปี ค.ศ. 1901 ถึง ค.ศ. 2000 และ “ต้นศตวรรษที่ 21” หมายถึงช่วงปีแรก ๆ หลังปี ค.ศ. 2001 จนถึงประมาณปี ค.ศ. 2020″

.

.

พาสปอร์ต (Passport) หรือหนังสือเดินทาง มักใช้กับวิซ่า(Visa)สำหรับในบางประเทศ แล้ว Visa คืออะไร?

วิซ่า (Visa) คือเอกสารหรือการอนุญาตที่ออกโดยประเทศปลายทาง เพื่อให้บุคคลจากต่างประเทศสามารถเข้าไปยังประเทศนั้นได้ โดยปกติจะมีการกำหนดระยะเวลาที่สามารถพำนักอยู่ได้ รวมถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง เช่น การท่องเที่ยว ทำงาน ศึกษา หรือทำธุรกิจ

.

ประเภทของวิซ่า

🎫 วิซ่าท่องเที่ยว (Tourist Visa) ใช้สำหรับการเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวหรือเยี่ยมเยียนเพื่อนและครอบครัว โดยปกติจะมีระยะเวลาจำกัด เช่น 30 วัน หรือ 90 วัน

🎫 วิซ่าธุรกิจ (Business Visa) สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเพื่อเข้าร่วมประชุม เจรจาธุรกิจ หรือทำงานในระยะเวลาสั้น ๆ

🎫 วิซ่านักเรียน (Student Visa) สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาในต่างประเทศ ระยะเวลาของวิซ่ามักขึ้นอยู่กับระยะเวลาของหลักสูตรที่ลงทะเบียน

🎫 วิซ่าทำงาน (Work Visa) ใช้สำหรับการทำงานในประเทศปลายทาง ต้องมีการอนุมัติจากนายจ้างและหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง

🎫 วิซ่าผู้อพยพ (Immigrant Visa) สำหรับผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปพำนักถาวรในประเทศอื่น เช่น การขอย้ายถิ่นฐานไปอเมริกา

🎫 วิซ่าผ่านทาง (Transit Visa) สำหรับการเดินทางผ่านประเทศใดประเทศหนึ่งก่อนที่จะไปยังประเทศปลายทาง

.

วิธีการขอวิซ่า

การขอวิซ่านั้นจะขึ้นอยู่กับประเทศและประเภทของวิซ่าด้วย ผู้เดินทางอาจต้องยื่นเอกสาร เช่น พาสปอร์ต ,แบบฟอร์มขอวิซ่า ,รูปถ่าย ,หลักฐานการเงิน หรือหลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก ส่วนการขอวิซ่านั้นอาจทำผ่านสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศปลายทาง หรือในบางกรณีสามารถขอ E-Visa (วิซ่าอิเล็กทรอนิกส์) ผ่านระบบออนไลน์

.

ความสัมพันธ์ระหว่าง พาสปอร์ต และ วิซ่า

พาสปอร์ต เป็นเอกสารที่แสดงตัวตนและสถานะความเป็นพลเมืองของประเทศต้นทาง ส่วน วิซ่า เป็นการอนุญาตให้เข้าประเทศปลายทาง การเดินทางระหว่างประเทศที่ต้องใช้วิซ่า ผู้เดินทางจะต้องมีพาสปอร์ตที่ยังไม่หมดอายุก่อนยื่นขอวิซ่า ตัวอย่าง หากคุณต้องการเดินทางไป สหรัฐอเมริกา คุณต้องมีพาสปอร์ตและยื่นขอ วีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐฯ (B1/B2 Visa) ผ่านสถานทูตหรือระบบออนไลน์ และได้รับอนุมัติก่อนเดินทาง

.

บางประเทศให้เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องทำ Visa อะไรคือหลักเกณฑ์ในการแบ่งและอนุญาต?

การที่บางประเทศอนุญาตให้เข้าไปโดยไม่ต้องขอ วีซ่า (Visa) นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางการทูต เศรษฐกิจ และความมั่นคงระหว่างประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง

หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุญาตให้ไม่ต้องใช้วีซ่า

✅ ความสัมพันธ์ทางการทูต ประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางการทูตมักจะทำข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน เช่น ประเทศในกลุ่ม สหภาพยุโรป (EU) และเขตเชงเก้นที่เปิดเสรีการเดินทางระหว่างสมาชิก หรือข้อตกลงระหว่างประเทศใน อาเซียน (ASEAN) เช่น ไทยสามารถเดินทางไปสิงคโปร์หรือมาเลเซียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

✅ ความปลอดภัยและความไว้วางใจระหว่างประเทศ หากประเทศต้นทางได้รับการพิจารณาว่ามีความปลอดภัยสูง ไม่มีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศปลายทาง เช่น การอพยพผิดกฎหมายหรือการก่ออาชญากรรม ประเทศปลายทางมักจะอนุญาตให้เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

✅ การกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ประเทศที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวมักยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจากบางประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เช่น ญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่าให้คนไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

✅  ระดับของพาสปอร์ต (Passport Power) ความเข้มแข็งของพาสปอร์ตหรือ “Passport Power” เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง พาสปอร์ตที่มีการจัดอันดับสูง เช่น พาสปอร์ตญี่ปุ่นหรือเยอรมนี สามารถเดินทางไปหลายประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

✅ ข้อตกลงแบบสองฝ่ายหรือพหุภาคี บางครั้งการยกเว้นวีซ่าเกิดจากข้อตกลงที่เจรจากัน เช่น ข้อตกลงว่าด้วยการเดินทางเสรีระหว่างประเทศ หรือสนธิสัญญาการค้าหรือการพัฒนาร่วมกัน

.

พาสปอร์ต
ตัวอย่าง Visa อเมริกา

.

ตัวอย่างประเทศที่อนุญาตให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

🟡 สำหรับคนไทย คนไทยสามารถเดินทางไป ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฮ่องกง และอีกหลายประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าในระยะเวลาที่กำหนด (ส่วนใหญ่ 14-90 วัน)

🟡 สำหรับประเทศที่มีพาสปอร์ตทรงพลัง (เช่น ญี่ปุ่น) ผู้ถือพาสปอร์ตญี่ปุ่นสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องขอวีซ่ากว่า 190 ประเทศ

.

ข้อจำกัดและข้อควรระวัง

แม้ไม่ต้องขอวีซ่า แต่ผู้เดินทางต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของประเทศปลายทาง เช่น ระยะเวลาที่อนุญาตให้อยู่ (ส่วนใหญ่ 30-90 วัน) หรือวัตถุประสงค์ของการเดินทาง เช่น ท่องเที่ยวเท่านั้น ห้ามทำงานหรือศึกษาต่อ

.

พาสปอร์ต
Passport

.

10 อันดับของพาสปอร์ตที่ทรงพลังมากที่สุด โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย

ตามการจัดอันดับของ Henley Passport Index ประจำปี 2024 มีประเทศที่มีพาสปอร์ตทรงพลังที่สุด เรียงลำดับจากมากไปน้อย มีดังนี้

1 สิงคโปร์ ผู้ถือพาสปอร์ตสิงคโปร์สามารถเดินทางไปยัง 195 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

2 ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สเปน, ญี่ปุ่น ผู้ถือพาสปอร์ตของแต่ละประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 192 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

3 ออสเตรีย, ฟินแลนด์, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน, เกาหลีใต้ ผู้ถือพาสปอร์ตของแต่ละประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 191 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

4 เบลเยียม, เดนมาร์ก, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, สวิตเซอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร ผู้ถือพาสปอร์ตของแต่ละประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 190 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

5 ออสเตรเลีย, โปรตุเกส ผู้ถือพาสปอร์ตของแต่ละประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 189 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

6 โปแลนด์ ผู้ถือพาสปอร์ตโปแลนด์สามารถเดินทางไปยัง 188 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

7 แคนาดา, เช็กเกีย, ฮังการี, มอลตา ผู้ถือพาสปอร์ตของแต่ละประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 187 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

8 สหรัฐอเมริกา ผู้ถือพาสปอร์ตสหรัฐอเมริกาสามารถเดินทางไปยัง 186 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

9 เอสโตเนีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้ถือพาสปอร์ตของแต่ละประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 185 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

10 ไอซ์แลนด์, ลัตเวีย, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย ผู้ถือพาสปอร์ตของแต่ละประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 184 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

.

การจัดอันดับนี้สะท้อนถึงความสามารถในการเดินทางระหว่างประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าของผู้ถือพาสปอร์ตแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของพาสปอร์ตนั้นๆ โดยในโลกนี้มี 195 ประเทศ ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึง 193 ประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ (UN) และอีก 2 ประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ ได้แก่ นครรัฐวาติกัน และ ไต้หวัน

.

“เกร็ดความรู้ :

ถึงแม้ว่าพาสปอร์ตของ สิงคโปร์ จะเป็นพาสปอร์ตที่ทรงพลังที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเดินทางได้ “ทั่วโลก” โดยไม่ต้องขอวีซ่าเลย สิงคโปร์สามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าประมาณ 195 ประเทศ จากทั้งหมด 195 ประเทศ ก็จริงแต่ก็ยังคงมีบางประเทศที่ต้องมีการขอวีซ่าล่วงหน้า เช่น

1 ประเทศที่มีข้อกำหนดเข้มงวดเรื่องความมั่นคง
เช่น อัฟกานิสถาน, เกาหลีเหนือ

2 บางประเทศที่มีนโยบายเฉพาะในการควบคุมการเข้าเมือง
เช่น สหรัฐอเมริกา (แม้ว่าจะได้รับการยกเว้นสำหรับบางกรณี แต่ก็ต้องสมัคร ESTA ซึ่งเป็นระบบอนุญาตการเดินทางล่วงหน้า)

ดังนั้น ถึงแม้พาสปอร์ตสิงคโปร์จะทรงพลังและช่วยลดความยุ่งยากในการเดินทาง แต่ในบางกรณีก็ยังต้องดำเนินการขอวีซ่าหรือการอนุมัติพิเศษล่วงหน้าในประเทศที่มีกฎระเบียบเฉพาะ”

.

คนไทยสามารถยื่นเรื่องทำ พาสปอร์ต ได้ที่ไหนบ้าง?

คนไทยสามารถยื่นขอหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ได้ที่สำนักงานหนังสือเดินทางทั่วประเทศ ซึ่งมีทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยสถานที่หลักในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่

✅ กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ

    • ที่อยู่ 123 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
    • โทรศัพท์ 02-203-5000 กด 1 หรือ Call Center 02-572-8442
    • วันและเวลาเปิดทำการ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน) ปิดรับคิวเวลา 16.00 น.

✅ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ศรีนครินทร์

    • ที่อยู่ ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ชั้น 1 โซน C
    • โทรศัพท์ 02-136-3800, 02-136-3802, 093-010-5246
    • วันและเวลาเปิดทำการ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน) ปิดรับคิวเวลา 16.00 น.

✅ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สายใต้ใหม่ – ตลิ่งชัน

    • ที่อยู่ อาคาร SC Plaza สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนี
    • โทรศัพท์ 02-422-3431
    • วันและเวลาเปิดทำการ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน) ปิดรับคิวเวลา 16.00 น.

✅ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตย

    • ที่อยู่ สถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) คลองเตย ถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
    • โทรศัพท์ 02-024-8896, 093-010-5247
    • วันและเวลาเปิดทำการ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน) ปิดรับคิวเวลา 16.00 น.

✅ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรี

    • ที่อยู่ ศูนย์การค้าบิ๊กซี สาขาสุวินทวงศ์ 29 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 10510
    • โทรศัพท์ 02-024-8362-64
    • วันและเวลาเปิดทำการ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน) ปิดรับคิวเวลา 16.00 น.

✅ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน (MBK Center)

    • ที่อยู่ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ชั้น 5 โซน A ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
    • โทรศัพท์ 02-126-7612
    • วันและเวลาเปิดทำการ วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน) ปิดรับคิวเวลา 17.30 น.

สำหรับต่างจังหวัด มีสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวในหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ หนองคาย จันทบุรี พัทยา สระแก้ว เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา และยะลา ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

.

พาสปอร์ต
กรมการกงสุลแจ้งวัฒนะ

.

พาสปอร์ต ไทยมีกี่ประเภท? แต่ละประเภทใช้ทำอะไร

พาสปอร์ตไทย มีทั้งหมด 5 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

🟡 หนังสือเดินทางธรรมดา (Ordinary Passport)

  • หน้าปก สีแดงเลือดหมู
  • ผู้ที่ใช้ บุคคลทั่วไป
  • วัตถุประสงค์ ใช้สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อการท่องเที่ยว ธุรกิจ การเยี่ยมเยือนครอบครัว หรือวัตถุประสงค์ทั่วไป
  • อายุการใช้งาน 5 ปี (สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี) และ 10 ปี (สำหรับผู้ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป)

🟡 หนังสือเดินทางราชการ (Official Passport)

  • หน้าปก สีฟ้า
  • ผู้ที่ใช้ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล
  • วัตถุประสงค์ ใช้สำหรับการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจหรือการทำงานในต่างประเทศในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไทย
  • อายุการใช้งาน 5 ปี

🟡 หนังสือเดินทางทูต (Diplomatic Passport)

  • หน้าปก สีแดงสด
  • ผู้ที่ใช้ คือ นักการทูต ,ข้าราชการระดับสูง และบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกระทรวงการต่างประเทศ
  • วัตถุประสงค์ ใช้สำหรับการปฏิบัติภารกิจทางการทูตและการปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับภารกิจทางการทูต
  • อายุการใช้งาน 5 ปี

🟡 หนังสือเดินทางชั่วคราว (Temporary Passport)

  • หน้าปก สีเขียว
  • ผู้ที่ใช้ บุคคลทั่วไป
  • วัตถุประสงค์ ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น หนังสือเดินทางสูญหายในต่างประเทศ และใช้สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทยเท่านั้น หรือใช้ในกรณีที่ต้องการพาสปอร์ตด่วน
  • อายุการใช้งาน ไม่เกิน 1 ปี

🟡 หนังสือเดินทางคนต่างด้าว (Alien Passport)

  • หน้าปก สีขาว
  • ผู้ที่ใช้ บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่ได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในประเทศไทย
  • วัตถุประสงค์ ใช้สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศ โดยได้รับการรับรองจากรัฐบาลไทย
  • อายุการใช้งาน ขึ้นอยู่กับกรณีที่กำหนด

พาสปอร์ตแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับสถานะและวัตถุประสงค์ของผู้ถือ การเลือกใช้งานพาสปอร์ตที่เหมาะสมช่วยให้การเดินทางและปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศเป็นไปอย่างถูกต้องและราบรื่น หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของพาสปอร์ตไทย คุณสามารถติดต่อกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้โดยตรง

.

พาสปอร์ต
ประเภทของพาสปอร์ตไทย

.

ขั้นตอนในการทำพาสปอร์ตและจำนวนเงินที่ต้องใช้ (Ordinary Passport)

การทำหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต Ordinary Passport) สำหรับคนไทยมีขั้นตอนและค่าธรรมเนียมดังนี้

1️⃣ เตรียมเอกสารที่จำเป็น

สำหรับผู้บรรลุนิติภาวะ (อายุ 20 ปีขึ้นไป) ใช้บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ รวมถึงหากมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ควรนำหลักฐานการเปลี่ยนแปลงมาด้วย

สำหรับผู้เยาว์ (อายุต่ำกว่า 20 ปี)

    • บัตรประจำตัวประชาชน
    • สูติบัตรฉบับจริง
    • บัตรประจำตัวประชาชนของบิดาและมารดา
    • หนังสือยินยอมจากบิดา-มารดา หรือผู้ปกครองที่ได้รับการรับรองจากอำเภอหรือเขต
    • กรณีบิดา-มารดาหย่าร้าง ควรนำหลักฐานการหย่าที่ระบุการปกครองบุตรมาด้วย

2️⃣ จองคิวล่วงหน้า (แนะนำ) สามารถจองคิวออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ https://www.qpassport.in.th เพื่อความสะดวกและลดเวลาในการรอคิว

3️⃣ ยื่นคำร้องที่สำนักงานหนังสือเดินทาง โดยเดินทางไปยังสำนักงานหนังสือเดินทางที่สะดวก พร้อมเอกสารที่เตรียมไว้ และกรอกแบบฟอร์มคำร้องและถ่ายรูปที่สำนักงาน (ไม่ต้องเตรียมรูปถ่ายมาเอง)

4️⃣ ชำระค่าธรรมเนียม เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ชำระค่าธรรมเนียมตามประเภทของพาสปอร์ตที่เลือก

5️⃣ รับเล่มพาสปอร์ต การรับสามารถเลือกวิธีรับเล่มได้ด้วยการรับด้วยตนเองที่สำนักงานที่ยื่นคำร้องหรือจัดส่งทางไปรษณีย์ (มีค่าจัดส่งเพิ่มเติม)

.

ค่าธรรมเนียมการทำพาสปอร์ต

🔶 พาสปอร์ตอายุไม่เกิน 5 ปี เล่มปกติค่าธรรมเนียม  1,000 บาท ส่วนเล่มด่วนพิเศษ (รับเล่มในวันเดียวกัน)ค่าธรรมเนียม 3,000 บาท

🔶 พาสปอร์ตอายุไม่เกิน 10 ปี (สำหรับผู้บรรลุนิติภาวะ) เล่มปกติค่าธรรมเนียม 1,500 บาท ส่วนเล่มด่วนพิเศษ (รับเล่มในวันเดียวกัน) ค่าธรรมเนียม 3,500 บาท

หมายเหตุ

🔹 การทำพาสปอร์ตแบบด่วนพิเศษ (รับเล่มในวันเดียวกัน) ต้องยื่นคำร้องก่อนเวลา 11.00 น. และสามารถรับเล่มได้ในวันเดียวกัน

🔹 ค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ภายในประเทศประมาณ 40 บาท

🔹 ค่าธรรมเนียมอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนดำเนินการ

สถานที่ยื่นคำร้อง

🔹 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

    • กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ
    • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตย
    • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ศรีนครินทร์
    • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางนา-ศรีนครินทร์
    • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรี
    • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ธัญบุรี
    • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่

 

🔹 ต่างจังหวัด มีสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวในหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต สงขลา เป็นต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม

🔶 ควรตรวจสอบเวลาทำการของแต่ละสำนักงานก่อนเดินทาง

🔶 หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 02-572-8442 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ กรมการกงสุล

.

.

ขั้นตอนการแจ้งและทำพาสปอร์ตใหม่เมื่อพาสปอร์ตหาย

🟢 แจ้งความที่สถานีตำรวจ ให้คุณไปที่สถานีตำรวจใกล้ที่สุดเพื่อแจ้งความว่าพาสปอร์ตหาย และขอใบแจ้งความ (บันทึกประจำวัน) ซึ่งต้องมีรายละเอียดชัดเจน เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขพาสปอร์ต (หากจำได้) วันที่และสถานที่ที่คาดว่าพาสปอร์ตสูญหาย

🟢 ติดต่อสำนักงานหนังสือเดินทาง ไปยังสำนักงานหนังสือเดินทางที่สะดวก พร้อมนำเอกสารใบแจ้งความจากตำรวจ ,บัตรประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ รวมถึงถ้ามีสำเนาพาสปอร์ตเล่มเดิม หรือข้อมูลเกี่ยวกับพาสปอร์ต เช่น หมายเลขเล่ม ก็ให้เตรียมไปพร้อมกัร

🟢 กรอกแบบฟอร์มและยื่นคำร้องทำพาสปอร์ตใหม่ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูล และคุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มเพื่อยื่นคำร้องขอทำพาสปอร์ตใหม่

🟢 ชำระค่าธรรมเนียมและถ่ายรูป มีค่าธรรมเนียมจะเหมือนกับการทำพาสปอร์ตปกติ โดยเล่มปกติ 1,000 บาท ส่วนเล่มด่วนพิเศษจะราคา 3,000 บาท

🟢 รอรับเล่มพาสปอร์ตใหม่ โดยคุณสามารถเลือกรับเล่มด้วยตนเองหรือจัดส่งทางไปรษณีย์

.

คำแนะนำสำคัญ‼️

🔴 หากพาสปอร์ตหายในต่างประเทศ*****

➡️ รีบติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศนั้นทันที

➡️ เตรียมเอกสารใบแจ้งความจากตำรวจท้องถิ่น และบัตรประชาชน (หรือสำเนา)

➡️ คุณอาจได้รับ “เอกสารเดินทางฉุกเฉิน” (Emergency Travel Document) สำหรับเดินทางกลับไทยก่อน แล้วค่อยดำเนินการทำพาสปอร์ตใหม่เมื่อกลับถึงไทย

✅ ป้องกันการสูญหายในอนาคต

    • เก็บพาสปอร์ตในที่ปลอดภัย และพกเฉพาะกรณีจำเป็น
    • ถ่ายสำเนาพาสปอร์ตและเก็บไว้ทั้งในรูปแบบเอกสารและดิจิทัล เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในกรณีสูญหาย

.

พาสปอร์ต
กรมการกงสุลไทยประจำกรุงโตเกียว

.

ประเทศไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไหนได้บ้างโดยไม่ต้องขอวิซ่า ข้อมูล ณ เดือนพฤษจิกายน 2567

ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเดินทางไปยังหลายประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า ระยะเวลาการพำนักที่อนุญาตจะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ ข้อมูลล่าสุดมีดังนี้ครับ

🌏 14 วัน โดยไม่มีการกำหนดจำนวนครั้งสูงสุดที่สามารถเข้าประเทศเหล่านี้ต่อปี ได้แก่ บาห์เรน ,บรูไน ,กัมพูชา ,เมียนมา และไต้หวัน

🌏 15 วัน ได้แก่ ญี่ปุ่น ประเทศเดียโดยปัจจุบันไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการเข้าประเทศญี่ปุ่นต่อปี

🌏 30 วัน โดยไม่มีการกำหนดจำนวนครั้งสูงสุดที่สามารถเข้าประเทศเหล่านี้ต่อปี ได้แก่

    • จีน(แผ่นดินใหญ่)
    • ฮ่องกง
    • อินโดนีเซีย
    • ลาว
    • มาเก๊า
    • มองโกเลีย
    • ทาจิกิสถาน
    • มาเลเซีย
    • มัลดีฟส์
    • ฟิลิปปินส์
    • กาตาร์
    • รัสเซีย
    • หมู่เกาะเซเชลส์
    • มณฑลไห่หนาน
    • สิงคโปร์
    • แอฟริกาใต้
    • ศรีลังกา

🌏 90 วัน โดยในปัจจุบันยังไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการเข้าประเทศเหล่านี้ต่อปีครับ แต่อย่างไรก็ตามการเข้าประเทศบ่อยครั้งหรือการพำนักระยะสั้นหลายครั้งอาจทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสงสัยถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง โดยมี

    • อาร์เจนตินา
    • บราซิล
    • ชิลี
    • เอกวาดอร์
    • เกาหลีใต้

และ..

🌏 365 วัน ได้แก่ จอร์เจีย ประเทศเดียว

โปรดทราบว่าข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบรายละเอียดล่าสุดก่อนการเดินทางกับสถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศปลายทาง และจำนวนวันที่กล่าวมาเป็นระยะเวลาสูงสุดที่ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถพำนักอยู่ในประเทศนั้น ๆ ต่อครั้งที่เข้าเมือง (Per Entry) โดยปกติจะไม่ใช่จำนวนวันที่รวมกันได้ตลอดทั้งปี ยกเว้นในกรณีที่มีข้อกำหนดพิเศษจากประเทศนั้น เช่น การเข้าซ้ำหลายครั้งในช่วงปีเดียวกัน

ตัวอย่าง หากคุณเดินทางไป ญี่ปุ่น คุณสามารถพำนักได้ 15 วันต่อครั้ง แต่สามารถเดินทางกลับมาใหม่ได้เมื่อออกจากประเทศและปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าเมืองอีกครั้ง ส่วนในกรณี จอร์เจีย ซึ่งอนุญาตให้พำนัก 365 วัน หมายถึงคุณสามารถอยู่ในประเทศได้ต่อเนื่อง 1 ปีโดยไม่ต้องออกจากประเทศเลย แต่ถ้าออกจากประเทศแล้วเข้าใหม่ก็เริ่มนับ 1 ใหม่

ข้อจำกัดเพิ่มเติม บางประเทศอาจมีข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาระหว่างการเข้าครั้งใหม่ เช่น อาจต้องออกนอกประเทศเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนกลับเข้ามาได้ และหากคุณต้องการอยู่นานกว่าระยะเวลาที่อนุญาต คุณจะต้องดำเนินการขอวีซ่าประเภทอื่นก่อนหมดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต และการเดินทางควรตรวจสอบข้อกำหนดของแต่ละประเทศอีกครั้งก่อนการเดินทางเพื่อความถูกต้องและไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลังครับ

.

” การเดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่าอาจมีข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาระหว่างการเข้าประเทศในแต่ละครั้ง บางประเทศกำหนดให้ผู้เดินทางต้องอยู่นอกประเทศเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะสามารถกลับเข้ามาใหม่ได้ ตัวอย่างเช่น ประเทศในกลุ่มเชงเก้น (Schengen Area) อนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยพำนักได้ไม่เกิน 90 วันภายในช่วงเวลา 180 วัน ซึ่งหมายความว่าหลังจากพำนักครบ 90 วัน ผู้เดินทางต้องอยู่นอกเขตเชงเก้นอย่างน้อย 90 วันก่อนที่จะสามารถกลับเข้ามาใหม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ บางประเทศอาจไม่มีการกำหนดระยะเวลาระหว่างการเข้าประเทศ แต่การเข้าประเทศบ่อยครั้งหรือการพำนักระยะสั้นหลายครั้งอาจทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสงสัยถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง ดังนั้น ควรเตรียมเอกสารที่แสดงถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบินขากลับ การจองที่พัก หรือแผนการเดินทาง เพื่อสนับสนุนการเข้าประเทศ เนื่องจากกฎระเบียบการเข้าประเทศอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากสถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศที่ต้องการเดินทางก่อนการเดินทางทุกครั้ง “

.

.

ประเทศที่สามารถขอวีซ่าเมื่อเดินทางมาถึง (Visa on Arrival – VOA)

Visa on Arrival (VOA) คือการอนุญาตให้ผู้เดินทางจากบางประเทศสามารถขอวีซ่าเมื่อเดินทางมาถึงประเทศปลายทาง โดยไม่ต้องยื่นขอล่วงหน้า สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย มีหลายประเทศที่ให้บริการ VOA โดยมีรายละเอียดดังนี้

.

ประเทศที่ให้บริการ Visa on Arrival สำหรับคนไทย

ประเทศ ระยะเวลาพำนักสูงสุด หมายเหตุ
บาห์เรน 14 วัน
โบลิเวีย 30 วัน
ฟิจิ 4 เดือน
จอร์แดน 30 วัน
คีร์กีซสถาน 15 วัน / 1 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่าที่ขอ
เนปาล 15/30/90 วัน มีค่าธรรมเนียมตามระยะเวลาที่เลือก
นิการากัว 30 วัน
นีอูเอ 30 วัน
โอมาน 30 วัน
หมู่เกาะโซโลมอน 3 เดือน
ติมอร์-เลสเต 30 วัน

หมายเหตุ ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบรายละเอียดล่าสุดก่อนการเดินทางกับสถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศปลายทาง

.

เอกสารและข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการขอ VOA

✅ หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ต้องมีอายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือนนับจากวันที่เดินทางเข้าประเทศปลายทาง

✅ รูปถ่าย ขนาดและจำนวนขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละประเทศ

✅ หลักฐานการเดินทางกลับ เช่น ตั๋วเครื่องบินขากลับหรือเดินทางต่อ

✅ หลักฐานการเงิน แสดงว่ามีความสามารถในการครอบคลุมค่าใช้จ่ายระหว่างการพำนัก

✅ ค่าธรรมเนียมวีซ่า ชำระเป็นสกุลเงินที่ประเทศนั้นกำหนด

คำแนะนำ ควรเตรียมเอกสารและข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการเดินทาง เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการขอ VOA สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการอัปเดตล่าสุด สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

.

พาสปอร์ต | กับข้อควรรู้ในการใช้งาน

ข้อควรรู้ในการใช้งานพาสปอร์ต เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางระหว่างประเทศ มีดังนี้

✅ ตรวจสอบอายุของพาสปอร์ต พาสปอร์ตต้องมีอายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือน นับจากวันที่เดินทาง และหากพาสปอร์ตใกล้หมดอายุ ควรดำเนินการต่ออายุหรือทำเล่มใหม่ก่อนเดินทาง

✅ เก็บรักษาพาสปอร์ตให้ปลอดภัย เก็บพาสปอร์ตในที่ปลอดภัย เช่น ซองกันน้ำ หรือกระเป๋าที่แนบชิดตัว รวมถึงถ่ายสำเนาพาสปอร์ตไว้ทั้งรูปแบบเอกสารและดิจิทัล เผื่อในกรณีสูญหายหรือถูกขโมย

.

พาสปอร์ต
ควรหาที่เก็บพาสปอร์ตให้ดีเพื่อป้องกันการลืมและสูญหาน

.

✅ ใช้พาสปอร์ตตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้อง โดยหากเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว ให้ใช้พาสปอร์ตปกติ และหากเดินทางเพื่อทำงานหรือศึกษาต่อ อาจต้องใช้วีซ่าหรือเอกสารเพิ่มเติมที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์

✅ ตรวจสอบข้อกำหนดของประเทศปลายทาง แต่ละประเทศอาจมีข้อกำหนดแตกต่างกัน เช่น การขอวีซ่าล่วงหน้า หรือการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ และบางประเทศอาจต้องลงทะเบียนการเดินทาง เช่น ESTA (สำหรับสหรัฐฯ) หรือ ETA (สำหรับออสเตรเลีย)

✅ ไม่ใช้พาสปอร์ตแทนเอกสารอื่นโดยไม่จำเป็น แม้ว่าพาสปอร์ตจะใช้ยืนยันตัวตนได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในสถานการณ์ทั่วไป เช่น การฝากเอกสารในโรงแรม ควรใช้สำเนาหรือบัตรประชาชนแทน

✅ การใช้พาสปอร์ตในต่างประเทศ หากพาสปอร์ตสูญหาย ให้รีบแจ้งตำรวจท้องถิ่นและสถานทูตไทยในประเทศนั้นทันที และตรวจสอบว่าในประเทศที่ไปเยือน มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการพกพาพาสปอร์ตตลอดเวลา หรือสามารถใช้สำเนาได้

✅ หลีกเลี่ยงการชำรุดหรือเสียหาย อย่าทำพาสปอร์ตเปียกน้ำ ฉีกขาด หรือชำรุด เพราะอาจทำให้ใช้งานไม่ได้ และหากพาสปอร์ตเสียหาย ควรติดต่อสำนักงานหนังสือเดินทางเพื่อทำเล่มใหม่

✅ ข้อกำหนดเมื่อกลับเข้าประเทศไทย ใช้พาสปอร์ตไทยเมื่อเดินทางกลับเข้าประเทศไทย และหากมีพาสปอร์ตหลายสัญชาติ ควรใช้พาสปอร์ตที่ตรงกับวีซ่าหรือสิทธิการพำนักในประเทศปลายทาง

✅ พาสปอร์ตมีอายุจำกัด โดยสำหรับผู้ใหญ่ พาสปอร์ตไทยมีอายุ 10 ปี ส่วนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี พาสปอร์ตมีอายุ 5 ปี

✅ ระวังการแอบอ้างหรือปลอมแปลง อย่าให้พาสปอร์ตกับผู้อื่นไปใช้ หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับพาสปอร์ตแก่บุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ

เคล็ดลับ : ก่อนเดินทางทุกครั้ง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับประเทศปลายทาง รวมถึงข้อกำหนดการใช้งานพาสปอร์ตผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการกงสุลหรือสถานทูตของประเทศปลายทาง

.

พาสปอร์ต เป็นมากกว่าเอกสารเดินทางทั่วไป แต่เป็นกุญแจสำคัญที่เปิดประตูสู่ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในต่างแดน การดูแลและใช้งานพาสปอร์ตอย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยให้การเดินทางราบรื่น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับตัวคุณเอง หวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้ดีขึ้นสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทุกจุดหมายปลายทาง

.

เลือกเราให้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งสำคัญ แล้วออกไปสร้างความทรงจำใหม่ในฮ่องกงกันเถอะครับ! ✈️

>>ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของเราได้ที่ช่องทางนี้ คลิก

กลับหน้าหลัก HOME

“เรามุ่งมั่นที่จะทำทัวร์ท่องเที่ยวให้แตกต่างจากทั่วไป สถานที่ที่คุณจะได้ไปนั้นนอกจากจะได้ท่องเที่ยวพักผ่อนไปกับเราแล้วเรายังเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับคุณอีกด้วย กับแผนการเดินทางที่แตกต่างและไม่จำเจเหมือนกับทั่วๆไป อีกทั้งคุณยังได้รับการดูแลและมีบริการที่แตกต่าง ให้คุณเปรียบเสมือนคนพิเศษ ให้ได้รู้สึกสัมผัสการไปเที่ยวไม่เหมือนใคร และจะประทับใจแบบไม่มีทางลืมได้เลย..” คุณสามารถติดต่อหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้เพื่อเลือกเคมเปญที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณ

💬 ติดต่อเราได้เลย!

        • โทรด่วนได้ที่ 082-036-5184
        • ส่งภาพหน้างานและพูดคุยได้ที่ Line
          เพิ่มเพื่อน
        • Email : spregaltravel@hotmail.com
        • ติดตามเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/spregaltravel/