เที่ยวโอซาก้า เกียวโต นารา | เสน่ห์สามเมืองแดนอาทิตย์อุทัย ที่ต้องไปสัมผัส
เที่ยวโอซาก้า เกียวโต นารา 📍ทั้ง 3 เมืองคือเมืองสำคัญในภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว โอซาก้า เมืองแห่งสีสันและอาหารอร่อย เกียวโต เมืองเก่าที่อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ และนารา เมืองแห่งกวางแสนเป็นมิตรและมรดกโลกที่งดงาม ทั้งสามเมืองนี้สามารถเดินทางไปมาหากันได้อย่างสะดวกมาก จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสทั้งความทันสมัยและกลิ่นอายของญี่ปุ่นโบราณได้ในทริปเดียว
.
เที่ยวโอซาก้า เกียวโต นารา | ประวัติเมืองโอซาก้า Osaka History🎌
โอซาก้าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีบทบาทสำคัญในพัฒนาการของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุคโบราณ ย้อนกลับไปในสมัยศตวรรษที่ 5-6 พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรม เนื่องจากตั้งอยู่ติดกับทะเลและแม่น้ำหลายสาย ทำให้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญ ในสมัยอาสุกะและนารา (ค.ศ. 538-794) เมืองนี้เคยถูกใช้เป็นเมืองหลวงชั่วคราว และเป็นจุดที่พระพุทธศาสนาเริ่มเผยแพร่เข้าสู่ญี่ปุ่นผ่านเส้นทางการค้ากับจีนและคาบสมุทรเกาหลี
ต่อมาในช่วงยุคเซ็นโกกุ (ค.ศ. 1467-1603) โอซาก้ากลายเป็นศูนย์กลางทางการทหารและการปกครองของญี่ปุ่นภายใต้การนำของ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งเป็นไดเมียวผู้ทรงอำนาจ เขาได้สร้างปราสาทโอซาก้าในปี ค.ศ. 1583 เพื่อเป็นฐานที่มั่นในการรวมญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่น ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ อย่างไรก็ตาม หลังจากการล่มสลายของตระกูลโทโยโตมิในสงครามโอซาก้าปี ค.ศ. 1615 เมืองตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลโชกุนโทกุงาวะ และถูกฟื้นฟูขึ้นมาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญ
ในยุคเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) เมื่อญี่ปุ่นเปิดรับอิทธิพลตะวันตก โอซาก้าได้พัฒนาอย่างรวดเร็วในฐานะเมืองอุตสาหกรรม จนได้รับฉายาว่า “ห้องครัวแห่งชาติ” เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการค้าขายและอาหาร ปัจจุบัน โอซาก้าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น มีบทบาทสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสมผสานระหว่างความทัน

.
โอซาก้า เกียวโต นารา | ประวัติเมืองเกียวโต Kyoto History🎌
เกียวโตเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดของญี่ปุ่น และเคยเป็นศูนย์กลางทางการเมือง วัฒนธรรม และศาสนามาเป็นเวลากว่าพันปี เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 794 โดยจักรพรรดิคัมมุ ซึ่งได้ย้ายเมืองหลวงจากนารามายังเมืองใหม่ที่มีชื่อว่า เฮอังเคียว (ปัจจุบันคือเกียวโต) เพื่อหลีกเลี่ยงอิทธิพลของวัดพุทธศาสนาและขุนนางในเมืองเก่า เกียวโตจึงกลายเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นและศูนย์กลางของวัฒนธรรมราชสำนักมานานกว่า 1,000 ปี ทำให้เมืองเต็มไปด้วยศิลปะ ประเพณี และสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์
ในยุคเซ็นโกกุ (ค.ศ. 1467-1603) เกียวโตได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมือง โดยเฉพาะสงครามโอนิน (ค.ศ. 1467-1477) ซึ่งทำให้เมืองเสียหายอย่างหนัก แต่หลังจากที่ โอดะ โนบุนางะ และ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ สามารถรวมประเทศได้ในปลายศตวรรษที่ 16 เมืองก็เริ่มกลับมาฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อ โชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ ขึ้นครองอำนาจในปี ค.ศ. 1603 และสถาปนาเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) เป็นศูนย์กลางการปกครอง อิทธิพลของเกียวโตก็เริ่มลดลง แต่ยังคงเป็นที่ตั้งของจักรพรรดิ และเป็นแหล่งรวมวัดวาอาราม ศิลปะ และขนบธรรมเนียมของชนชั้นสูง
ในช่วงยุคเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) เมืองหลวงของญี่ปุ่นถูกย้ายไปที่โตเกียว ทำให้เกียวโตสูญเสียสถานะทางการเมือง แต่ยังคงรักษามรดกทางวัฒนธรรมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี โชคดีที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกียวโตไม่ถูกโจมตีอย่างหนักเหมือนเมืองอื่นๆ ทำให้วัด ศาลเจ้า และสถาปัตยกรรมโบราณรอดพ้นจากการถูกทำลาย ปัจจุบัน เกียวโตเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น เต็มไปด้วยวัดโบราณกว่า 2,000 แห่ง ปราสาท พระราชวัง และย่านเมืองเก่าที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีต ทำให้เป็นหนึ่งในเมืองที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนเพื่อสัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นแท้ๆ

.
เที่ยวโอซาก้า เกียวโต นารา | ประวัติเมืองนารา Nara History🎌
นาราเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเคยเป็น เมืองหลวงแห่งแรกของประเทศ ในช่วงศตวรรษที่ 8 ในปี ค.ศ. 710 จักรพรรดิเก็มเมย์ได้สถาปนาเมือง เฮโจเคียว (ปัจจุบันคือนารา) เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรม โดยได้รับอิทธิพลด้านการบริหารจากจีนราชวงศ์ถัง เมืองนาราในยุคนั้นเป็นศูนย์รวมของพระพุทธศาสนาและศิลปะ ทำให้มีการสร้างวัดและโบราณสถานสำคัญ เช่น วัดโทไดจิ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระใหญ่ไดบุทสึ และ วัดคอฟุกุจิ ซึ่งเคยเป็นวัดประจำตระกูลฟูจิวาระ ตระกูลขุนนางที่ทรงอิทธิพลในยุคนั้น
อย่างไรก็ตาม อำนาจของศาสนาพุทธในนาราเริ่มแข็งแกร่งขึ้นจนแทรกแซงการเมือง ทำให้จักรพรรดิคัมมุตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปยังเฮอังเคียว (เกียวโต) ในปี ค.ศ. 794 เพื่อลดอิทธิพลของวัดพุทธ หลังจากนั้น นาราค่อยๆ สูญเสียความสำคัญทางการเมือง แต่ยังคงเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรม โดยได้รับการดูแลจากเหล่าขุนนางและนักบวช เมืองยังคงมีบทบาทสำคัญในยุคคามาคุระและยุคมุโรมาจิ (ค.ศ. 1185-1573) แม้ว่าจะไม่ได้เป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศอีกต่อไป
ในยุคปัจจุบัน นารายังคงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรม และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ศาลเจ้าคาซูกะไทชะ ที่มีโคมไฟจำนวนมาก สวนกวางนาราซึ่งเป็นบ้านของกวางที่ได้รับการคุ้มครอง และวัดโทไดจิที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ปัจจุบัน นาราเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติของญี่ปุ่นในบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นเอกลักษณ์

.
สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของโอซาก้า เกียวโต และนารา🗾
📍โอซาก้า Osaka
🏞️ ภูมิประเทศ โอซาก้าตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะฮนชู ติดกับอ่าวโอซาก้าและมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน เช่น แม่น้ำโยโดะ ทำให้เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญมาตั้งแต่อดีต เมืองมีพื้นที่ราบลุ่มเป็นส่วนใหญ่ เหมาะแก่การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ
🌫️ ภูมิอากาศ โอซาก้ามี ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ฤดูร้อนร้อนชื้นและมีฝนตกชุก ขณะที่ฤดูหนาวไม่หนาวจัด
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) อากาศร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 28-35°C มีฝนตกมากโดยเฉพาะเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อากาศเย็น อุณหภูมิเฉลี่ย 2-10°C แต่ไม่ค่อยมีหิมะตก
- ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณ 15-25°C เป็นช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว
.
📍เกียวโต Kyoto
🏞️ ภูมิประเทศ เกียวโตตั้งอยู่ในหุบเขาล้อมรอบด้วยเทือกเขาทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ทำให้เมืองมีภูมิประเทศแบบแอ่งกระทะ สภาพภูมิประเทศนี้ส่งผลต่ออุณหภูมิและความชื้นของเมือง
🌫️ ภูมิอากาศ เกียวโตมี ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น แต่ได้รับอิทธิพลจากภูเขา ทำให้อากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและแตกต่างจากโอซาก้าเล็กน้อย
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) อากาศร้อนและชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 30-38°C เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่ม แอ่งกระทะทำให้อากาศอบอ้าวกว่าที่อื่น
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อากาศเย็นกว่าโอซาก้า อุณหภูมิประมาณ 0-8°C และมีโอกาสเกิดหิมะตกเล็กน้อย
- ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง มีอุณหภูมิที่เหมาะสม 10-25°C เป็นช่วงที่ดอกซากุระบาน (มีนาคม-เมษายน) และใบไม้เปลี่ยนสี (ตุลาคม-พฤศจิกายน)
.
📍นารา Nara
🏞️ ภูมิประเทศ นาราตั้งอยู่ในหุบเขาและล้อมรอบด้วยภูเขาหลายแห่ง เช่น เทือกเขาโยชิโนะ ทำให้เมืองมีอากาศค่อนข้างเย็นกว่าโอซาก้าและเกียวโตในบางช่วง นอกจากนี้ยังมีป่าธรรมชาติและพื้นที่เขียวขจีมากกว่าทั้งสองเมือง
🌫️ ภูมิอากาศ นารามี ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น คล้ายเกียวโตแต่ได้รับอิทธิพลจากภูเขามากกว่า
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) อากาศร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 28-35°C แต่จะเย็นลงเล็กน้อยในพื้นที่ภูเขา
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อุณหภูมิประมาณ 0-7°C หนาวกว่าทั้งโอซาก้าและเกียวโต และมีโอกาสหิมะตกในบางปี
- ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นสบาย 10-22°C เหมาะแก่การท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดและป่าธรรมชาติในเมือง
.
เที่ยวโอซาก้า เกียวโต นารา | สถานที่เที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู🚌
🚩 ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) | @Osaka Japan
ปราสาทโอซาก้าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1583 โดย โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ เพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครองและเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ อย่างไรก็ตาม ปราสาทถูกทำลายหลายครั้งในประวัติศาสตร์ และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1931 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และยุคเซ็นโกกุ นอกจากตัวปราสาทแล้ว พื้นที่โดยรอบยังมี สวนซากุระ (Osaka Castle Park) ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และมีต้นไม้เปลี่ยนสีสวยงามในฤดูใบไม้ร่วง โดยปราสาทมีทั้งหมด 8 ชั้น โดยชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองโอซาก้าแบบพาโนรามา ส่วนชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงชุดเกราะ สมบัติ และโมเดลจำลองเหตุการณ์สำคัญในอดีต รวมถึงมีการจัดแสดงภาพสามมิติและกิจกรรมอินเทอร์แอคทีฟเกี่ยวกับประวัติศาสตร์

.
เวลาเปิด-ปิด : เปิด 09:00 – 17:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 16:30 น.) และปิดทุกวันสิ้นปี (28 ธ.ค. – 1 ม.ค.)
พิกัด GPS :📍 34.6873, 135.5259
Tip : แนะนำให้ไปช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงคนเยอะ และช่วงฤดูซากุระ (มีนาคม-เมษายน) จะสวยเป็นพิเศษ! 🌸
.
🚩 ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) | @Osaka Japan
โดทงโบริเป็นย่านบันเทิงและอาหารชื่อดังของโอซาก้า ตั้งอยู่ริมคลองโดทงโบริในเขตนัมบะ เต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดัง ป้ายไฟนีออนขนาดใหญ่ และบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาตลอดทั้งวันและคืน จุดเด่นของที่นี่คือ ป้ายไฟกูลิโกะแมน (Glico Man Sign) ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของโอซาก้า นักท่องเที่ยวมักมาถ่ายภาพกับป้ายไฟนี้เป็นที่ระลึก
ย่านนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ครัวของญี่ปุ่น” (Kuidaore – 食い倒れ) เนื่องจากมีร้านอาหารและสตรีทฟู้ดจำนวนมาก เช่น ทาโกะยากิ (Takoyaki) ขนมครกญี่ปุ่นไส้ปลาหมึก ,โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) พิซซ่าญี่ปุ่นหรือแพนเค้กสไตล์โอซาก้า ,คุชิคัตสึ (Kushikatsu) ของทอดเสียบไม้ ,ราเมงคามุคุระ (Kamukura Ramen) และร้านราเมงชื่อดังอื่นๆ และนอกจากนี้ ยังมีสถานที่น่าสนใจ เช่น ป้ายปูยักษ์ Kani Doraku ร้านปูชื่อดังที่มีป้ายปูขยับได้ ,ดงกิโฮเต้ โดทงโบริ (Don Quijote Dotonbori) ห้างดิวตี้ฟรีขนาดใหญ่ที่เปิด 24 ชั่วโมง ,ล่องเรือ Tonbori River Cruise ชมวิวสองฝั่งคลองโดทงโบริ

.
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (แต่ร้านค้าและร้านอาหารแต่ละแห่งมีเวลาปิดที่แตกต่างกัน)
พิกัด GPS :📍 34.6689, 135.5031
Tip : ควรมาเที่ยวช่วงเย็นถึงค่ำเพื่อสัมผัสบรรยากาศของป้ายไฟและความคึกคักของย่านนี้
.
🚩 ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan – USJ) | @Osaka Japan
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (USJ) เป็นหนึ่งในสวนสนุกชื่อดังระดับโลก ตั้งอยู่ในโอซาก้า และเป็นที่เที่ยวที่ต้องไปเยือนสำหรับคนรักภาพยนตร์และเครื่องเล่นสุดมันส์ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 2001 และมีธีมพาร์คที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ชื่อดังของฮอลลีวูด เช่น Harry Potter, Jurassic Park, Minions และ Super Nintendo World
โซนสำคัญใน USJ 👇
☑️ The Wizarding World of Harry Potter เดินเล่นในฮอกส์มี้ด ดื่มบัตเตอร์เบียร์ และสนุกไปกับเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey
☑️ Super Nintendo World โซนใหม่ล่าสุดที่เปิดในปี 2021 สัมผัสโลกของมาริโอ้ ขี่ Mario Kart: Koopa’s Challengeและเก็บเหรียญ Power-Up Band
☑️ Minion Park โลกแห่งมินเนี่ยน สนุกกับเครื่องเล่น Despicable Me Minion Mayhem
☑️ Jurassic Park ผจญภัยไปกับเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว Jurassic Park – The Ride
☑️ Hollywood Dream รถไฟเหาะยอดฮิตที่สามารถเลือกเพลงเปิดฟังระหว่างเล่นได้
☑️ The Amazing Adventures of Spider-Man เครื่องเล่น 4D สุดมันส์จากจักรวาลมาร์เวล

.
ตั๋วเข้าสวนสนุก : Universal Studios Japan 1 Day Pass ประมาณ 8,400-9,800 เยน (ราคาปรับเปลี่ยนตามวันและเทศกาล) และ Express Pass แนะนำให้ซื้อล่วงหน้าเพื่อข้ามคิวเครื่องเล่นยอดฮิต
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 21:00 น. (เวลาทำการอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและวันพิเศษ)
พิกัด GPS : 📍 34.6654, 135.4323
Tip : ควรวางแผนซื้อตั๋วล่วงหน้า และมาถึงแต่เช้าเพื่อเล่นเครื่องเล่นยอดนิยมก่อนที่คิวยาว
.
🚩 ตลาดคุโรมง (Kuromon Ichiba Market) | @Osaka Japan
ตลาดคุโรมง (Kuromon Ichiba) เป็นตลาดสดชื่อดังของโอซาก้า และได้รับฉายาว่า “ครัวของโอซาก้า” (Osaka’s Kitchen)เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของวัตถุดิบสดใหม่ที่ร้านอาหารท้องถิ่นและเชฟมืออาชีพนิยมมาซื้อของ ที่นี่มีอายุเก่าแก่กว่า 190 ปีตั้งแต่ยุคเอโดะ และปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักชิม
สิ่งที่ห้ามพลาดในตลาดคุโรมง
☑️ ซูชิและซาชิมิสดๆ ปลาสดจากทะเลญี่ปุ่น โดยเฉพาะโอโทโร่ (ส่วนท้องของปลาทูน่า) และอูนิ (ไข่หอยเม่น)
☑️ ปูยักษ์และอาหารทะเลเผา ลองปูซูไว ปูขน และหอยเชลล์เผาสดๆ บนเตาถ่าน
☑️ ทาโกะยากิและโอเด้ง อาหารสตรีทฟู้ดสไตล์โอซาก้าแท้ๆ
☑️ เนื้อวากิว A5 และเนื้อมัตสึซากะย่าง ละลายในปากแบบพรีเมียม
☑️ ขนมญี่ปุ่นและผลไม้สด เมล่อนญี่ปุ่น, สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์อามาโอะแบบเสียบไม้
ตลาดคุโรมงเป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะมีตัวเลือกอาหารมากมาย และสามารถเดินกินไปได้เรื่อยๆ เป็นหนึ่งในจุดที่แนะนำสำหรับคนที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นแบบแท้ๆ

.
เวลาเปิด-ปิด : 08:00 – 18:00 น. (เวลาทำการของแต่ละร้านค้าอาจแตกต่างกัน)
พิกัด GPS :📍 34.6676, 135.5062
Tip : ควรมาช่วงเช้าถึงเที่ยงเพื่อให้ได้ลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่ และควรเตรียมเงินสดเพราะบางร้านอาจไม่รับบัตรเครดิต
.
🚩 อควาเรียมไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) | @Osaka Japan
อควาเรียมไคยูคัง (Kaiyukan) เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่และดีที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในย่านอ่าวโอซาก้า โดยมีคอนเซปต์จำลองระบบนิเวศของมหาสมุทรแปซิฟิก มีสัตว์น้ำมากกว่า 30,000 ตัว จากกว่า 620 สายพันธุ์ และมีการจัดแสดงสัตว์น้ำใน 16 ถังขนาดยักษ์ ที่ออกแบบให้เดินชมจากชั้นบนลงมาสู่ระดับล่าง
จุดเด่นของอควาเรียมไคยูคัง
☑️ แทงก์น้ำหลัก “Pacific Ocean” ที่อยู่ของ ฉลามวาฬ ขนาดยักษ์ซึ่งเป็นไฮไลต์ของที่นี่
☑️ เขตต่างๆ ของมหาสมุทร จำลองระบบนิเวศจากทั่วโลก เช่น Great Barrier Reef , ปะการังหลากสีสัน และ Antarctica , พบกับนกเพนกวินจักรพรรดิ รวมถึง Japan Deep , ปลาลึกจากทะเลญี่ปุ่น
☑️ โซนสัมผัสสัตว์น้ำ (Interactive Zone) ลูบตัวปลากระเบนและฉลามอย่างใกล้ชิด
☑️ อุโมงค์เรืองแสง “Jellyfish Galaxy” โซนแมงกะพรุนที่จัดแสดงด้วยแสงไฟสุดอลังการ
ภายในอควาเรียมมีบรรยากาศที่เหมาะสำหรับครอบครัว คู่รัก และนักท่องเที่ยวที่สนใจโลกใต้ทะเล นอกจากนี้ยังมี Tempozan Ferris Wheel (ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่) และห้างสรรพสินค้า Tempozan Marketplace อยู่ใกล้ๆ ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบ One-Day Trip ที่น่าสนใจ

.
เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 20:00 น. (เข้ารอบสุดท้ายก่อน 19:00 น.) ⚠️ เวลาทำการอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล แนะนำให้ตรวจสอบล่วงหน้า
พิกัด GPS :📍 34.6545, 135.4281
Tip : แนะนำให้มาช่วงบ่ายแล้วอยู่ถึงค่ำ เพราะอควาเรียมมีการจัดแสดงที่สวยงามขึ้นในเวลากลางคืน และสามารถชมวิวอ่าวโอซาก้าได้จากชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ใกล้เคียง
.
🚩 วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji / วัดทอง) | @Kyoto Japan
วัดคินคะคุจิ หรือ วัดทอง เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงและสวยงามที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกียวโต วัดนี้มีสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณและเป็นที่รู้จักจาก ศาลาทองคำ (Golden Pavilion) ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารสามชั้นปิดด้วยทองคำเปลวระยิบระยับ สะท้อนเงาบนผืนน้ำของ สระเคียวโคจิ (Kyoko-chi / สระน้ำกระจก) อย่างงดงาม
วัดแห่งนี้เดิมเป็นที่พักตากอากาศของ โชกุนอาชิกางะ โยชิมิทสึ (Ashikaga Yoshimitsu) ในช่วงศตวรรษที่ 14 ต่อมาหลังจากโชกุนเสียชีวิต ได้ถูกเปลี่ยนเป็นวัดเซนในสังกัดนิกายรินไซ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเกียวโต และเป็นส่วนหนึ่งของ มรดกโลกขององค์การยูเนสโก
จุดเด่นของวัดคินคะคุจิ
☑️ ศาลาทองคำ (Golden Pavilion) สร้างด้วยไม้และหุ้มด้วยทองคำเปลว บนยอดมีรูปปั้นนกฟีนิกซ์ สะท้อนลงบนผืนน้ำอย่างสวยงาม
☑️ สระน้ำเคียวโคจิ (Kyoko-chi Pond) ทะเลสาบขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ เพิ่มความสงบและงดงามให้กับวัด
☑️ สวนญี่ปุ่น (Zen Garden) สวนที่ตกแต่งด้วยหิน ต้นสน และสะพานโบราณ ที่สร้างขึ้นตามหลักปรัชญาเซน
☑️ ศาลเจ้าและโรงน้ำชาโบราณ มีร้านชาแบบดั้งเดิมให้นั่งจิบมัทฉะพร้อมขนมญี่ปุ่น

.
ช่วงเวลาที่สวยที่สุด
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – เมษายน) ซากุระบานรอบวัด
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ต้นไม้เขียวขจี ตัดกับสีทองของวัด
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีแดง-ส้ม ตัดกับศาลาทองคำ
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) หิมะปกคลุมศาลาทองคำ สวยงามและเงียบสงบ
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:00 น. (เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด)
พิกัด GPS :📍 35.0394, 135.7292
Tip : ควรมาช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และหากมาในช่วงฤดูหนาว อาจมีโอกาสได้เห็นวัดปกคลุมด้วยหิมะซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก
.
🚩 วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera) | @Kyoto Japan
วัดคิโยมิซุ หรือ วัดน้ำใส เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเกียวโต ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 778 (สมัยนารา) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก วัดตั้งอยู่บนภูเขาโอโตวะ (Otowa) และเป็นที่รู้จักจาก ระเบียงไม้ขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว
จากระเบียงวัดสามารถมองเห็นวิวเมืองเกียวโตได้แบบพาโนรามา และเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีและซากุระบานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น วัดนี้มีความเกี่ยวข้องกับความศรัทธาต่อ เจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ที่ต้องการขอพรเรื่องความรัก การเรียน และสุขภาพ
จุดเด่นของวัดคิโยมิซุ
☑️ ระเบียงไม้ขนาดใหญ่ สร้างจากไม้สนฮิโนกิ โดยไม่มีการใช้ตะปู รองรับด้วยเสาค้ำขนาดใหญ่สูงกว่า 13 เมตร
☑️ น้ำศักดิ์สิทธิ์จากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) นักท่องเที่ยวสามารถดื่มน้ำจาก 3 สาย ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเรื่อง ความรัก การเรียน และสุขภาพ
☑️ ศาลเจ้าจิชู (Jishu Shrine) ศาลเจ้าแห่งความรัก ตั้งอยู่ภายในวัด มี “หินแห่งความรัก” ที่ว่ากันว่าหากเดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนโดยไม่ลืมตา จะสมหวังในความรัก
☑️ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีและซากุระ ช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) และฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน) บริเวณรอบวัดจะเต็มไปด้วยสีสันของธรรมชาติที่สวยงาม

.
ช่วงเวลาที่แนะนำ
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – เมษายน) ซากุระบานรอบระเบียงวัด
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ธรรมชาติสีเขียวขจีสดชื่น
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีแดง-ส้มรอบวัด สวยงามที่สุด
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) บรรยากาศเงียบสงบ มีโอกาสเห็นวัดปกคลุมด้วยหิมะ
เวลาเปิด-ปิด : 06:00 – 18:00 น. (เปิดทุกวัน) แต่บางช่วงปีมีการเปิดรอบกลางคืน (Night Illumination) ตรวจสอบล่วงหน้าก่อนเดินทาง
พิกัด GPS :📍 34.9949, 135.7850
Tip : ควรมาถึงช่วงเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และเดินเล่นต่อไปยังย่าน ซันเน็นซากะ (Sanneizaka) และ นิเนนซากะ (Ninenzaka) ซึ่งเป็นถนนเก่าที่เต็มไปด้วยร้านค้าดั้งเดิมและร้านชา
.
🚩 ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) | @Kyoto Japan
ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ เป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่สำคัญและมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกียวโต ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ. 711 เพื่อบูชาเทพอินาริ (Inari Ōkami) ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ การเกษตร และการค้า สัญลักษณ์ของศาลเจ้าคือ เสาโทริอิสีแดง (Senbon Torii) ที่ทอดยาวขึ้นภูเขาอินาริ ซึ่งเป็นเส้นทางศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนมักเดินขึ้นไปเพื่อขอพร
ศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าอินาริหลักของญี่ปุ่น และมีศาลเจ้าย่อยกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ ที่แสดงความศรัทธาต่อเทพอินาริ จุดเด่นของศาลเจ้าคือ เสาโทริอิสีแดงนับพันต้น ที่เรียงรายเป็นอุโมงค์ทอดยาวไปตามเส้นทางขึ้นภูเขาอินาริ ทำให้เป็นหนึ่งในจุดถ่ายรูปที่สวยงามและมีเอกลักษณ์มากที่สุดในญี่ปุ่น
จุดเด่นของศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ
☑️ เสาโทริอิสีแดงนับพันต้น (Senbon Torii) อุโมงค์เสาสีแดงที่ทอดยาวกว่า 4 กิโลเมตรขึ้นสู่ยอดภูเขาอินาริ
☑️ รูปปั้นสุนัขจิ้งจอก (Kitsune) สัญลักษณ์ของเทพอินาริ เชื่อกันว่าเป็นผู้ส่งสารจากเทพเจ้า
☑️ ศาลเจ้าหลัก (Honden) จุดสำหรับสักการะเทพอินาริ ขอพรด้านการค้าขายและโชคลาภ
☑️ เส้นทางเดินเขาอินาริ (Mt. Inari Hiking Trail) เดินขึ้นภูเขาระยะทาง ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อชมวิวเมืองเกียวโต
☑️ อาหารท้องถิ่นรอบศาลเจ้า ลองชิม อินาริซูชิ (ข้าวห่อเต้าหู้ทอด) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นของโปรดของเทพอินาริ

.
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว
- เช้าตรู่ (ก่อน 08:00 น.) คนน้อย เดินชมเสาโทริอิได้อย่างเงียบสงบ
- ช่วงเย็น (หลัง 16:00 น.) แสงอาทิตย์ตกกระทบเสาโทริอิ สวยงามมาก
- กลางคืน บรรยากาศเงียบสงบ แต่อาจมีแสงไฟน้อย
เวลาเปิด-ปิด : เปิด 24 ชั่วโมง (สามารถเข้าชมได้ตลอดเวลา)
พิกัด GPS :📍 34.9671, 135.7727
Tip : ศาลเจ้าไม่มีค่าเข้าชม และสามารถใช้เวลาเดินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของภูเขาอินาริได้ภายใน 2-3 ชั่วโมง หากต้องการชมวิวเมืองเกียวโตจากมุมสูง ⛩
.
🚩 อาราชิยามะและป่าไผ่ (Arashiyama Bamboo Forest) | @Kyoto Japan
อาราชิยามะ (Arashiyama) เป็นหนึ่งในย่านท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกียวโต เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม วัดเก่าแก่ และบรรยากาศที่เงียบสงบ โดยจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ “ป่าไผ่อาราชิยามะ” (Arashiyama Bamboo Forest) ซึ่งเป็นอุโมงค์ทางเดินที่เรียงรายไปด้วยต้นไผ่สูงเสียดฟ้า เมื่อสายลมพัดผ่าน ไผ่จะส่งเสียงเสียดสีที่ให้ความรู้สึกสงบและเป็นเอกลักษณ์
จุดเด่นของอาราชิยามะและป่าไผ่
☑️ ป่าไผ่อาราชิยามะ (Bamboo Grove) ทางเดินที่โอบล้อมด้วยไผ่สูงกว่า 10 เมตร สร้างบรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบ
☑️ วัดเท็นริวจิ (Tenryu-ji Temple) วัดเก่าแก่ในสังกัดนิกายเซน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1339 และเป็นมรดกโลก
☑️ สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) สะพานไม้โบราณข้ามแม่น้ำคัตสึระ (Katsura River) หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุด
☑️ สวนลิงอิวาตายามะ (Iwatayama Monkey Park) เดินขึ้นเขาไปชมลิงป่ากว่า 100 ตัว พร้อมวิวพาโนรามาของเกียวโต
☑️ ถนนร้านค้าท้องถิ่น ลองชิมของกินพื้นเมือง เช่น ยากิโมจิ (ขนมโมจิย่าง), ซอฟต์ครีมมัทฉะ, และโซบะร้อน

.
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – เมษายน) ซากุระบานริมแม่น้ำคัตสึระ
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ป่าไผ่เขียวขจีเต็มที่
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีรอบสะพานโทเง็ตสึเคียว
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) หิมะโปรยปรายบนต้นไผ่ สร้างบรรยากาศโรแมนติก
เวลาเปิด-ปิด : เปิด 24 ชั่วโมง (สามารถเข้าชมป่าไผ่ได้ตลอดเวลา) วัดเท็นริวจิ เปิด 08:30 – 17:30 น. (ฤดูหนาวปิด 17:00 น.)
พิกัด GPS :📍 35.0094, 135.6675
Tip : แนะนำให้มา ช่วงเช้าตรู่ หรือ เย็นหลัง 16:00 น. เพื่อลดความแออัดของนักท่องเที่ยว และสามารถเช่าจักรยานเพื่อปั่นเที่ยวรอบอาราชิยามะได้
.
🚩 ย่านกิออน (Gion District) | @Kyoto Japan
ย่านกิออน (Gion) เป็นเขตเมืองเก่าของเกียวโตที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของ ยุคเอโดะ และเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม เกอิชา ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ถนนในย่านนี้ปูด้วยหินเก่าแก่ มีร้านน้ำชาแบบดั้งเดิม (ochaya – お茶屋) และบ้านไม้โบราณที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมแบบเกียวโตไว้เป็นอย่างดี
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมบรรยากาศแบบย้อนยุค และอาจมีโอกาสพบกับ ไมโกะ (Maiko) หรือนักเรียนเกอิชา ที่เดินไปตามถนนกิออนเพื่อไปทำงานในโรงน้ำชา โดยเฉพาะในช่วงเย็น นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิ (kaiseki) ร้านขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และศาลเจ้าชื่อดังที่นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมได้
จุดเด่นของย่านกิออน
☑️ ถนนฮานามิโคจิ (Hanamikoji Street) ถนนหลักของกิออนที่เรียงรายไปด้วยบ้านน้ำชาและโรงแรมแบบเรียวกังเก่าแก่
☑️ โรงน้ำชาแบบดั้งเดิม (Ochaya) สถานที่ที่เกอิชาและไมโกะให้บริการแขกด้วยพิธีชงชาและการแสดงดนตรี
☑️ ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 และเป็นศูนย์กลางของเทศกาลกิออนมัตสึริ (Gion Matsuri)
☑️ โรงละครกิออน โคบุ คาบุเร็งโจ (Gion Corner Kaburenjo Theater) ชมการแสดงศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น เช่น พิธีชงชา รำเกอิชา และละครโนห์
☑️ เทศกาลกิออนมัตสึริ (Gion Matsuri) เทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกียวโต จัดขึ้นทุกเดือนกรกฎาคม

.
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว
- ช่วงเย็น (17:00 – 19:00 น.) เป็นเวลาที่ไมโกะออกเดินไปทำงานและแสงไฟจากโคมไฟสร้างบรรยากาศที่สวยงาม
- ช่วงกลางคืน กิออนมีเสน่ห์มากขึ้นด้วยแสงไฟจากร้านน้ำชาและโคมไฟญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
- ช่วงซากุระบาน (มีนาคม – เมษายน) ถนนในกิออนโดยเฉพาะรอบศาลเจ้ายาซากะจะเต็มไปด้วยซากุระ
เวลาเปิด-ปิด : เปิด 24 ชั่วโมง (แต่ร้านค้าและโรงน้ำชาเปิด-ปิดตามเวลาแต่ละแห่ง)
พิกัด GPS :📍 35.0037, 135.7751
Tip : หากต้องการชมเกอิชาหรือไมโกะ ควรเดินเที่ยวบริเวณ ถนนฮานามิโคจิ ในช่วงเย็น และไม่ควรเข้าไปรบกวนหรือติดตามถ่ายรูปใกล้ๆ
.
🚩 วัดโทไดจิ (Todai-ji Temple) และพระใหญ่ไดบุทสึ | @Nara Japan
วัดโทไดจิ (Tōdai-ji) เป็นวัดพุทธที่สำคัญที่สุดของเมืองนารา และเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 752 โดยจักรพรรดิโชมุ (Emperor Shōmu) เพื่อเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนาและเป็นที่ตั้งของพระใหญ่ไดบุทสึ (Daibutsu) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พระใหญ่ไดบุทสึ (Great Buddha / 大仏, Daibutsu) เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีความสูง 15 เมตร หนักกว่า 500 ตันประดิษฐานอยู่ในอาคารหลักของวัด ซึ่งเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอดีต และปัจจุบันยังคงเป็นหนึ่งในอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
จุดเด่นของวัดโทไดจิ
☑️ พระใหญ่ไดบุทสึ (Daibutsu-den Hall) ศาลาหลักที่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึ
☑️ ประตูนันไดมง (Nandaimon Gate) ประตูไม้ขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้นนักรบเทพเจ้าเฝ้าประตู
☑️ สวนกวางนารา (Nara Park) กวางศักดิ์สิทธิ์กว่า 1,000 ตัวที่อาศัยอยู่รอบวัด นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหาร “เซมเบ้” แก่กวางได้
☑️ พิพิธภัณฑ์วัดโทไดจิ (Tōdai-ji Museum) จัดแสดงสมบัติทางพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์ของวัด
☑️ เส้นทางเดินไปยังวัดนิไกโดและคาสุกะไทฉะ เชื่อมต่อไปยังวัดและศาลเจ้าที่สำคัญอื่นๆ ในเมืองนารา

.
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – เมษายน) ซากุระบานรอบวัดและสวนกวาง
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ธรรมชาติสีเขียวขจีและอากาศสดชื่น
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีรอบวัด สวยงามมาก
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) บรรยากาศเงียบสงบ อาจมีหิมะปกคลุมวัดและพระใหญ่
เวลาเปิด-ปิด : 08:00 – 17:00 น. (เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม ปิด 16:30 น.)
🎟 ค่าเข้าชม: 600 เยน (วัดโทไดจิ + พระใหญ่ไดบุทสึ)
พิกัด GPS :📍 34.6889, 135.8399
Tip : แนะนำให้เดินชมบริเวณ สวนกวางนารา และต่อไปยัง ศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดโทไดจิ
.
🚩 สวนกวางนารา (Nara Park) | @Nara Japan
สวนกวางนารา (Nara Park) เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเมืองนารา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 660 เฮกตาร์ และเป็นที่อยู่ของ กวางซิกา (Sika Deer) กว่า 1,200 ตัว ซึ่งถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาชินโต เชื่อกันว่ากวางเหล่านี้เป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้าคาสุกะ (Kasuga Taisha) และได้รับการคุ้มครองมาตั้งแต่สมัยโบราณ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นในสวนและให้อาหารกวางด้วย “เซมเบ้” (Shika Senbei) หรือขนมปังกรอบสำหรับกวางที่ขายอยู่ภายในสวน เมื่อยื่นขนมให้ กวางจะก้มหัวโค้งเป็นการขอบคุณ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้สวนแห่งนี้เป็นที่รักของนักท่องเที่ยว
สถานที่สำคัญภายในสวนกวางนารา
☑️ ฝูงกวางซิกา (Sika Deer) สามารถพบเห็นกวางเดินเล่นทั่วทั้งสวน และให้อาหารกวางได้
☑️ วัดโทไดจิ (Tōdai-ji Temple) วัดเก่าแก่ที่เป็นที่ประดิษฐานพระใหญ่ไดบุทสึ
☑️ ศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ (Kasuga Taisha Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีโคมไฟหินและโคมไฟทองแดงกว่า 3,000 ดวง
☑️ จุดชมวิวมิคาสายามะ (Mount Wakakusa) จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองนาราแบบพาโนรามา
☑️ สวนญี่ปุ่นอิสึอิเอ็น (Isuien Garden) สวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งอย่างงดงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อน
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – เมษายน) ซากุระบานเต็มสวน พร้อมกวางเดินเล่นใต้ต้นซากุระ
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ธรรมชาติสีเขียวขจี กวางมีพลังเต็มที่
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีแดง-ทอง ทำให้สวนมีบรรยากาศโรแมนติก
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) หากมีหิมะตก กวางเดินท่ามกลางหิมะเป็นภาพที่สวยงามมาก

.
เวลาเปิด-ปิด : เปิด 24 ชั่วโมง (สามารถเข้าชมได้ตลอดเวลา)
🎟 ค่าเข้าชม: ฟรี (ยกเว้นบางจุดเช่น วัดโทไดจิ และศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ ที่มีค่าเข้าแยกต่างหาก)
พิกัด GPS :📍 34.6851, 135.8431
Tip : หากต้องการให้อาหารกวาง ควรซื้อ Shika Senbei จากร้านค้าภายในสวนเท่านั้น และระวังอย่าให้ถุงพลาสติกหรืออาหารอื่นๆ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อกวาง
.
🚩 ศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ (Kasuga Taisha Shrine) | @Nara Japan
ศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ (Kasuga Taisha) เป็นศาลเจ้าชินโตที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองนารา ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 768 โดยตระกูลฟูจิวาระ ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุคเฮอัง ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพคาสุกะ (Kasuga-no-kami) ซึ่งเป็นเทพผู้พิทักษ์ของเมืองนาราและเป็นที่เคารพบูชามานานหลายศตวรรษ
จุดเด่นของศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ
☑️ โคมไฟหินและโคมไฟทองแดงกว่า 3,000 ดวง ศาลเจ้าแห่งนี้มีโคมไฟจำนวนมากที่ได้รับบริจาคจากผู้ศรัทธาตลอดหลายศตวรรษ
☑️ เทศกาลโคมไฟ (Setsubun Mantoro & Chugen Mantoro) จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง (ต้นเดือนกุมภาพันธ์และกลางเดือนสิงหาคม) ในช่วงเทศกาลนี้ โคมไฟทั้งหมดจะถูกจุดให้สว่างไสว สร้างบรรยากาศที่งดงามและศักดิ์สิทธิ์
☑️ สถาปัตยกรรมศาลเจ้าสีแดงสด อาคารหลักของศาลเจ้าทาสีแดงตัดกับสีเขียวของป่าโดยรอบ ทำให้เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น
☑️ กวางศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้า เนื่องจากกวางในนาราเชื่อว่าเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า กวางจำนวนมากจึงสามารถพบเห็นได้รอบศาลเจ้า
☑️ เส้นทางเดินป่าศักดิ์สิทธิ์ บริเวณรอบศาลเจ้าเป็นป่าศักดิ์สิทธิ์ที่เงียบสงบ และเป็นเส้นทางเดินที่สวยงาม
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว
- ช่วงเช้า อากาศเย็นสบาย นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก
- ช่วงเทศกาลโคมไฟ (กุมภาพันธ์ & สิงหาคม) โคมไฟจะถูกจุดให้สว่าง ทำให้บรรยากาศยิ่งขลัง
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – เมษายน) ดอกซากุระบานรอบศาลเจ้า
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีรอบศาลเจ้า สวยงามมาก

.
เวลาเปิด-ปิด : 06:30 – 17:30 น. (เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ปิด 17:00 น.)
🎟 ค่าเข้าชมบริเวณหลัก: ฟรี / ค่าเข้าชมอาคารภายใน: 500 เยน
พิกัด GPS :📍 34.6812, 135.8481
Tip : แนะนำให้เดินชมศาลเจ้าพร้อมกับ สวนกวางนารา และ วัดโทไดจิ ซึ่งอยู่ใกล้กัน
.
🚩 วัดโคฟุกุจิ (Kofuku-ji Temple) | @Nara Japan
วัดโคฟุกุจิ (Kōfuku-ji) เป็นหนึ่งในวัดพุทธที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของเมืองนารา ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 710 โดยตระกูลฟูจิวาระ ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคเฮอัง วัดนี้เคยเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งใน “วัดสำคัญทั้งเจ็ดแห่งของนารา” (Nanto Shichi Daiji / 南都七大寺)
จุดเด่นของวัดโคฟุกุจิ
☑️ เจดีย์ห้าชั้น (Five-Story Pagoda / 五重塔, Gojunoto) สัญลักษณ์ของวัดโคฟุกุจิ มีความสูง 50.1 เมตร และเป็นเจดีย์ไม้ที่สูงเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจากเจดีย์ของวัดโทจิในเกียวโต
☑️ เจดีย์สามชั้น (Three-Story Pagoda / 三重塔, Sanjunoto) เจดีย์ไม้ขนาดเล็กกว่าที่สร้างขึ้นในยุคเดียวกัน
☑️ ศาลาทอง (Tōkondō / 東金堂) เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ เช่น พระไวโรจนพุทธะ (Yakushi Nyorai) และเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง
☑️ พิพิธภัณฑ์สมบัติแห่งชาติวัดโคฟุกุจิ (Kōfuku-ji National Treasure Museum) จัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปะพุทธศาสนาล้ำค่า เช่น รูปปั้นเทพอาชุระ (Ashura / 阿修羅像) ซึ่งเป็นสมบัติประจำชาติ
☑️ พื้นที่โดยรอบวัด วัดตั้งอยู่ใกล้ สวนกวางนารา ทำให้สามารถเดินชมบรรยากาศธรรมชาติพร้อมกับกวางที่เดินอยู่รอบวัดได้
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – เมษายน) ดอกซากุระบานรอบวัด
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีรอบวัด สร้างบรรยากาศสงบ
- ช่วงเช้า – สาย อากาศดีและมีคนน้อย เหมาะแก่การถ่ายภาพ

.
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:45 น.)
🎟 ค่าเข้าชม: 600 เยน (ศาลาทอง + พิพิธภัณฑ์สมบัติแห่งชาติ)
พิกัด GPS :📍 34.6827, 135.8328
Tip : วัดโคฟุกุจิอยู่ไม่ไกลจาก วัดโทไดจิและศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ สามารถวางแผนเที่ยวพร้อมกันได้ในวันเดียว! ⛩
.
🚩 ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) | @Nara Japan
ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) เป็นหนึ่งในจุดชมดอกซากุระที่สวยที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ในฐานะส่วนหนึ่งของ “ศาลเจ้าและวัดในภูมิภาคคii (Sacred Sites and Pilgrimage Routes in the Kii Mountain Range)”
ภูเขาโยชิโนะมีชื่อเสียงจาก 🌸ต้นซากุระกว่า 30,000 ต้น ที่ปลูกเป็นชั้นๆ ตามความสูงของภูเขา แบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก
1. Shimo Senbon (下千本 / ด้านล่าง) เป็นจุดที่ซากุระบานเร็วที่สุดและเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเริ่มเดินขึ้น
2. Naka Senbon (中千本 / กลาง) มีวัดและศาลเจ้าเก่าแก่ รวมถึงร้านค้าและที่พักสไตล์เรียวกัง
3. Kami Senbon (上千本 / ด้านบน) จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูเขาที่เต็มไปด้วยดอกซากุระ
4.Oku Senbon (奥千本 / ด้านลึก) จุดที่ซากุระบานช้าสุดและมีความสงบมากที่สุด

.
นอกจากซากุระแล้ว ภูเขาโยชิโนะยังเป็นจุดแสวงบุญที่สำคัญของพุทธศาสนาและศาสนาชินโต มีวัดและศาลเจ้าเก่าแก่ เช่น
☑️ ศาลเจ้าคินปูเซ็นจิ (Kinpusenji Temple / 金峯山寺) ศูนย์กลางของศาสนาชูเง็นโดะ (Shugendo)
☑️ สวนซากุระฮานายากูระ (Hanayagura Viewpoint / 花矢倉展望台) จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูเขาโยชิโนะที่เต็มไปด้วยซากุระ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว
- ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาคม – กลางเมษายน) ซากุระบานสวยที่สุด
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ป่าเขาเขียวชอุ่ม อากาศสดชื่น
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นแดง-ส้ม
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อาจมีหิมะตก บรรยากาศเงียบสงบ
เวลาเปิด-ปิด : เปิด 24 ชั่วโมง (แต่ร้านค้าและศาลเจ้าอาจมีเวลาเปิด-ปิดแตกต่างกัน)
พิกัด GPS :📍 34.3553, 135.8676
Tip : การเดินทางไปภูเขาโยชิโนะสามารถใช้ รถไฟ Kintetsu จากเมืองนาราไปยังสถานี Yoshino Station และใช้กระเช้าหรือเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวหลัก

.
เที่ยวโอซาก้า เกียวโต นารา นั้นเป็นการเปิดประสบการณ์ที่ครบครันในทุกแง่มุมของวัฒนธรรมญี่ปุ่น โอซาก้าโดดเด่นเรื่องความทันสมัย อาหารรสเลิศ และบรรยากาศเมืองใหญ่ที่คึกคัก ส่วนเกียวโตคือศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณ เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่ ศาลเจ้า และบรรยากาศย้อนยุคที่มีเสน่ห์ ส่วนนารานั้นให้ความรู้สึกเงียบสงบและเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ พร้อมธรรมชาติที่สวยงามและกวางแสนเป็นมิตร ทั้งสามเมืองสามารถเดินทางไปมาหากันได้สะดวก ทำให้เป็นจุดหมายที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสทั้ง ความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ ธรรมชาติ วัฒนธรรม และอาหารอร่อย ภายในทริปเดียว
เที่ยวโอซาก้า เกียวโต นารา ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นสายชิมอาหาร สายเที่ยวชมวัฒนธรรม หรือสายธรรมชาติ โอซาก้า เกียวโต และนาราตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน จากแสงสีและความสนุกสนานของโอซาก้า สู่เสน่ห์ของวัดและศาลเจ้าที่เกียวโต และความเงียบสงบของเมืองเก่าที่นารา ทุกฤดูกาลมีเสน่ห์เฉพาะตัว และทุกมุมของสามเมืองนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่รอให้คุณไปสัมผัส ทริปนี้จึงเป็นการเดินทางที่ไม่เพียงแต่จะเติมเต็มความสุข แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต
>> โตเกียวมหานครที่ไม่เคยหลับใหล คลิก
ชอบบทความและสนันสนุนให้กำลังใจเราชาวเอสพี ทำไงดีนะ…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบทความดีๆบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook https://facebook.com/spregaltravel/
“เรามุ่งมั่นที่จะทำทัวร์ท่องเที่ยวให้แตกต่างจากทั่วไป สถานที่ที่คุณจะได้ไปนั้นนอกจากจะได้ท่องเที่ยวพักผ่อนไปกับเราแล้วเรายังเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับคุณอีกด้วย กับแผนการเดินทางที่แตกต่างและไม่จำเจเหมือนกับทั่วๆไป อีกทั้งคุณยังได้รับการดูแลและมีบริการที่แตกต่าง ให้คุณเปรียบเสมือนคนพิเศษ ให้ได้รู้สึกสัมผัสการไปเที่ยวไม่เหมือนใคร และจะประทับใจแบบไม่มีทางลืมได้เลย..” คุณสามารถติดต่อหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้เพื่อเลือกเคมเปญที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณ
💬 ติดต่อเราได้เลย!
Comment (0)