อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง |สัมผัสรสชาติอาหารฮ่องกงแท้ๆ พร้อมสำรวจย่านของกินสุดฮิต

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง ฮ่องกงนั้นเป็นสวรรค์ของนักชิมที่รวมเอาความหลากหลายของรสชาติและวัฒนธรรมอาหารไว้ในที่เดียว ไม่ว่าคุณจะหลงใหลในติ่มซำหอมกรุ่น หมูแดงย่างเนื้อนุ่ม หรือขนมหวานแสนอร่อย ฮ่องกงก็มีทุกสิ่งที่ตอบโจทย์นักชิมทุกระดับ พร้อมทั้งย่านของกินชื่อดังอย่างมงก๊ก เซ็นทรัล และจิมซาจุ่ย ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารริมทางและร้านเก่าแก่ที่มีเรื่องราวอันยาวนาน รอให้คุณได้สัมผัส

 

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง ทำไมฮ่องกงจึงเป็นสวรรค์ของนักชิม

ฮ่องกงถูกขนานนามว่าเป็นสวรรค์ของนักชิม เพราะเป็นจุดบรรจบของวัฒนธรรมอาหารหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารจีนแผ่นดินใหญ่ อาหารกวางตุ้งแท้ๆ หรืออาหารตะวันตกที่ได้รับอิทธิพลจากยุคอาณานิคม เมืองนี้ยังมีการผสมผสานเทคนิคการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดเมนูที่มีเอกลักษณ์และน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่เพียงเท่านั้น ฮ่องกงยังมีตัวเลือกอาหารที่ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่สตรีทฟู้ดราคาย่อมเยาไปจนถึงร้านอาหารมิชลินสตาร์ นอกจากนี้ ความหลงใหลในคุณภาพและความสดใหม่ของวัตถุดิบยังช่วยตอกย้ำชื่อเสียงของฮ่องกงในฐานะเมืองแห่งนักชิมระดับโลก

 

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง กับประวัติของอาหารฮ่องกง จากอดีตถึงปัจจุบัน

อาหารฮ่องกงมีรากฐานที่หยั่งลึกในวัฒนธรรมจีน โดยเฉพาะอาหารกวางตุ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สำนักอาหารหลักของจีน ฮ่องกงได้กลายเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมการกินที่หลากหลายจากการผสมผสานอิทธิพลทั้งจากจีนแผ่นดินใหญ่และตะวันตก โดยมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนี้

ยุคแรกเริ่ม | การตั้งรกรากและรากฐานของอาหารกวางตุ้ง

ในช่วงศตวรรษที่ 19 ฮ่องกงยังเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ อาหารในยุคนั้นเน้นวัตถุดิบจากทะเล เช่น ปลา กุ้ง และหอย โดยชาวบ้านมักใช้วิธีการปรุงง่ายๆ เช่น ต้มและนึ่ง เพื่อรักษาความสดของวัตถุดิบ อาหารที่นิยมในยุคนี้ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากมณฑลกวางตุ้ง (กวางเจา) เช่น ติ่มซำ ซึ่งเป็นของว่างคู่กับชาจีน และ ข้าวมันไก่ ที่ใช้วัตถุดิบพื้นบ้าน

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
ในศตวรรษที่ 19 ฮ่องกงยังคงเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก

 

ยุคอาณานิคมอังกฤษ | อิทธิพลตะวันตกสู่การผสมผสาน

ในปี 1841 ฮ่องกงกลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ทำให้วัฒนธรรมอาหารเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด อาหารตะวันตกถูกนำเข้ามาและปรับให้เข้ากับรสชาติท้องถิ่น ตัวอย่างที่ชัดเจน ได้แก่

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
ในปี 1841 ฮ่องกงกลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ทำให้วัฒนธรรมอาหารเริ่มเปลี่ยนแปลง

 

– พายไข่ฮ่องกง (Hong Kong Egg Tart) ได้รับแรงบันดาลใจจากพายไข่โปรตุเกส (Pastéis de Nata) โดยปรับเปลือกพายให้บางกรอบและไส้หวานน้อยลง

– ชานม (Milk Tea) เกิดจากการผสมผสานชาดำเข้มข้นกับนมข้นหวาน กลายเป็นเครื่องดื่มที่โด่งดังทั่วโลก

 

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
ชานม (Milk Tea)

 

นอกจากนี้ ร้านอาหารแบบ “Cha Chaan Teng” หรือร้านน้ำชาในฮ่องกงก็เริ่มเปิดให้บริการในยุคนี้ โดยนำเสนออาหารฟิวชั่นระหว่างจีนและตะวันตก เช่น ขนมปังสับปะรดกับเนยสด (Pineapple Bun) และสปาเกตตี้ผัดกุ้งในซอสมะเขือเทศ

 

ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 | การฟื้นฟูและความหลากหลาย

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮ่องกงเริ่มเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในเอเชียและดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก การอพยพของชาวจีนจากเซี่ยงไฮ้ เสฉวน และไต้หวัน ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างสไตล์อาหารต่างๆ เช่น

– เสี่ยวหลงเปา (Xiao Long Bao) ซาลาเปาน้ำซุปจากเซี่ยงไฮ้

 

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
เสี่ยวหลงเปา (Xiao Long Bao)

 

– หม้อไฟเสฉวน มีรสเผ็ดชาลิ้นที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

ในช่วงนี้ อาหารริมทาง (Street Food) ก็ได้รับความนิยม เช่น ลูกชิ้นปลาฮ่องกง, วาฟเฟิลฮ่องกง, และเครปไข่

ยุคปัจจุบัน | นวัตกรรมและการสร้างชื่อเสียงระดับโลก

ปัจจุบัน ฮ่องกงกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่มีร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มากที่สุดในโลก การพัฒนาเทคนิคการปรุงอาหารและการประยุกต์ใช้วัตถุดิบชั้นยอด ทำให้ฮ่องกงเป็นแหล่งรวมนวัตกรรมอาหาร 

– Fine Dining เช่น ร้าน Lung King Heen ที่ได้รับมิชลินสามดาว

– อาหารฟิวชั่น การนำเทคนิคตะวันตกมาผสมผสานกับรสชาติแบบเอเชีย เช่น เป็ดปักกิ่งแบบอบซอสตะวันตก

นอกจากนี้ การรักษาเอกลักษณ์อาหารดั้งเดิม เช่น ติ่มซำ ซุปยาจีน และของหวานอย่างพุดดิ้งมะม่วง ทำให้อาหารฮ่องกงยังคงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
Hong Kong Food

 

จุดเด่นของอาหารฮ่องกง

1. ความหลากหลาย มีตั้งแต่อาหารสตรีทฟู้ดไปจนถึงมิชลินสตาร์

2. คุณภาพวัตถุดิบ เน้นความสดใหม่และเทคนิคการปรุงที่พิถีพิถัน

3. การผสมผสานวัฒนธรรม รวมรสชาติจากจีนและตะวันตกได้อย่างลงตัว

4. นวัตกรรม พัฒนาเมนูใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

อาหารฮ่องกงจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหาร แต่เป็นการสะท้อนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองที่ผสมผสานหลากหลายอย่างลงตัว

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง กับ 10 เมนูอาหารที่ต้องลองเมื่อไปฮ่องกง

 

1. ติ่มซำ | ความเป็นมาและเสน่ห์แห่งอาหารกวางตุ้ง

ติ่มซำ (Dim Sum) เป็นอาหารจีนที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี โดยมีต้นกำเนิดจากมณฑลกวางตุ้ง ติ่มซำเริ่มแรกเป็นของว่างที่เสิร์ฟพร้อมชาจีนในโรงน้ำชาสำหรับนักเดินทางและพ่อค้าในเส้นทางสายไหม สำนวน “ติ่มซำ” แปลว่า “สัมผัสถึงหัวใจ” สะท้อนถึงความตั้งใจในการทำอาหารจานเล็กที่เต็มไปด้วยรสชาติและความพิถีพิถัน จนกลายเป็นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมกวางตุ้งและได้รับความนิยมทั่วโลก

วิธีการทำและประเภทของติ่มซำ ติ่มซำมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งนึ่ง ทอด และอบ โดยวัตถุดิบหลักที่ใช้มักเป็นแป้งบางๆ ห่อไส้ที่หลากหลาย เช่น กุ้ง หมู เนื้อไก่ หรือผัก ตัวอย่างเมนูยอดนิยม ได้แก่ ฮะเก๋า (เกี๊ยวกุ้งนึ่งที่มีแป้งใสเนื้อบาง), ขนมจีบ (หมูหรือกุ้งสับห่อแป้งบาง), และ ซาลาเปาไส้ไหล (ซาลาเปาไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม) วิธีการทำเริ่มจากการปรุงไส้ด้วยเครื่องเทศและซอสปรุงรส จากนั้นจึงห่อด้วยแป้งบางๆ และนำไปนึ่งในเข่งไม้ไผ่ ซึ่งช่วยรักษาความหอมและรสชาติของวัตถุดิบ

จุดเด่นของติ่มซำ ติ่มซำโดดเด่นด้วยความหลากหลายของรสชาติ รูปแบบ และเนื้อสัมผัส ซึ่งสามารถตอบโจทย์นักชิมทุกวัย ทุกจานมีขนาดเล็กเพื่อให้สามารถสั่งหลายเมนูในมื้อเดียว ทำให้เป็นอาหารที่เหมาะกับการแบ่งปันในวงสนทนา อีกทั้งการเสิร์ฟในเข่งไม้ไผ่ยังเพิ่มเสน่ห์แบบดั้งเดิมและช่วยรักษาความร้อนของอาหาร สิ่งที่ทำให้ติ่มซำพิเศษยิ่งขึ้นคือการรับประทานร่วมกับชาจีน เช่น ชาอู่หลงหรือชามะลิ ซึ่งช่วยตัดความมันและเติมเต็มประสบการณ์การกิน

สถานที่และราคาในการลิ้มลองติ่มซำในฮ่องกง ฮ่องกงมีร้านติ่มซำให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ร้านอาหารริมทางไปจนถึงร้านมิชลินสตาร์ เช่น Tim Ho Wan ซึ่งเป็นร้านติ่มซำที่ได้รับมิชลินในราคาประหยัด หรือ Maxim’s Palace ที่มีบรรยากาศแบบดั้งเดิมในห้องโถงใหญ่ ราคาติ่มซำในฮ่องกงเริ่มต้นที่ประมาณ 20-40 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อจาน (ประมาณ 80-200 บาท) โดยเข่งละ 2-4 ชิ้น หากต้องการสัมผัสประสบการณ์แบบท้องถิ่น แนะนำให้ไปเยือนย่านมงก๊กหรือจิมซาจุ่ย ซึ่งเต็มไปด้วยร้านติ่มซำรสเลิศในบรรยากาศที่ครึกครื้นและเป็นกันเอง

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
ติ่มซำ (Dim Sum)

 

 

2. ห่านย่าง (Roast Goose) | อาหารประจำฮ่องกงที่เลื่องชื่อ

ห่านย่าง (Roast Goose) เป็นหนึ่งในอาหารกวางตุ้งที่โด่งดังที่สุดของฮ่องกง มีประวัติยาวนานตั้งแต่ยุคราชวงศ์หมิง โดยในอดีตการย่างห่านเป็นวิธีถนอมอาหารที่นิยมในพื้นที่กวางตุ้ง เนื่องจากห่านเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในแถบนี้ ห่านย่างถูกยกระดับเป็นอาหารชั้นเลิศในงานเฉลิมฉลอง เช่น งานแต่งงานและเทศกาลตรุษจีน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และโชคดี และเมื่อฮ่องกงกลายเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ ห่านย่างก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

วิธีการทำห่านย่าง การทำห่านย่างเริ่มจากการหมักห่านทั้งตัวด้วยเครื่องเทศและซอสปรุงรสสูตรเฉพาะ เช่น ซอสถั่วเหลือง น้ำผึ้ง ผงพะโล้ และขิง วัตถุดิบเหล่านี้ช่วยเพิ่มความหอมและรสชาติให้แก่เนื้อห่าน หลังจากหมักจนซึมลึกเข้าเนื้อแล้ว จะนำห่านไปย่างในเตาอบแบบดั้งเดิมที่ใช้ไฟถ่าน เพื่อให้ได้หนังที่กรอบและเนื้อที่ฉ่ำ ห่านย่างที่สมบูรณ์แบบต้องมีหนังกรอบบาง รสชาติเข้มข้น และเนื้อที่นุ่มชุ่มฉ่ำ การย่างต้องควบคุมอุณหภูมิและเวลาอย่างแม่นยำเพื่อให้ห่านมีสีทองสวยงามและไม่แห้งเกินไป

จุดเด่นของห่านย่าง ห่านย่างมีจุดเด่นที่หนังบางกรอบราวกับกระจกเคลือบมัน และรสชาติที่เข้มข้นจากการหมักด้วยสูตรลับเฉพาะของแต่ละร้าน กลิ่นหอมที่เกิดจากการย่างด้วยไฟถ่านเพิ่มเสน่ห์และความพิเศษให้กับอาหารจานนี้ อีกทั้งเนื้อห่านยังมีความชุ่มฉ่ำและมีรสชาติในตัวที่เด่นชัด การรับประทานห่านย่างมักเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วย หรือซอสพริกที่ช่วยเพิ่มรสชาติและความสดชื่น ทำให้อาหารจานนี้เป็นที่ชื่นชอบของทั้งชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

สถานที่และราคาห่านย่างในฮ่องกง ร้านห่านย่างที่มีชื่อเสียงในฮ่องกง เช่น Yat Lok ในย่านเซ็นทรัล ซึ่งได้รับมิชลินหนึ่งดาว และ Kam’s Roast Goose ที่ได้รับรางวัลระดับโลก การรับประทานห่านย่างในฮ่องกงสามารถเลือกได้ทั้งแบบสั่งมาเป็นตัวหรือเป็นจาน ราคาห่านย่างหนึ่งตัวมักเริ่มต้นที่ประมาณ 400-800 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 1,600-3,200 บาท) ส่วนราคาต่อจานอยู่ที่ประมาณ 80-150 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 320-600 บาท) หากอยากสัมผัสรสชาติห่านย่างต้นตำรับ แนะนำให้ไปย่านมงก๊กหรือย่านเซ็นทรัลที่มีร้านอาหารเก่าแก่และร้านดังให้เลือกมากมายในบรรยากาศที่แสนคึกคัก

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
ห่านย่าง (Roast Goose)

 

 

3. ชานมฮ่องกง (Hong Kong Milk Tea) | เครื่องดื่มอันเป็นเอกลักษณ์

ชานมฮ่องกง (Hong Kong Milk Tea) เป็นเครื่องดื่มที่สะท้อนวัฒนธรรมการผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตกได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีจุดเริ่มต้นในยุคอาณานิคมอังกฤษ ชาวฮ่องกงได้นำเอาวัฒนธรรมการดื่มชานมแบบอังกฤษมาดัดแปลงให้เข้ากับรสนิยมท้องถิ่น โดยเปลี่ยนจากการใช้นมสดเป็น นมข้นจืด และเพิ่มรสชาติเข้มข้นของชา ทำให้ชานมฮ่องกงกลายเป็นเอกลักษณ์ของร้านอาหารสไตล์ “Cha Chaan Teng” หรือร้านน้ำชาในฮ่องกง และได้รับการขนานนามว่าเป็น “Stocking Milk Tea” เนื่องจากใช้ถุงกรองชาแบบผ้าตาข่ายที่มีลักษณะคล้ายถุงน่องในการชง

วิธีการทำชานมฮ่องกง การทำชานมฮ่องกงเริ่มจากการนำ ใบชาดำ คุณภาพดี เช่น ชาซีลอนหรือชาอัสสัม มาต้มในน้ำเดือดเพื่อดึงรสชาติและความเข้มข้น จากนั้นกรองชาโดยใช้ถุงกรองชาแบบผ้าเพื่อให้ได้ชาที่ใสสะอาดและเข้มข้นที่สุด ต่อมาเติม นมข้นจืด และ น้ำตาลตามความชอบ แล้วคนให้เข้ากันจนได้รสชาติที่ลงตัว บางร้านอาจใช้นมข้นหวานเพิ่มความหวานและเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล ชานมฮ่องกงสามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น โดยในแบบเย็นมักใส่น้ำแข็งเพื่อความสดชื่น

จุดเด่นของชานมฮ่องกง จุดเด่นของชานมฮ่องกงอยู่ที่รสชาติอันกลมกล่อมระหว่างความเข้มข้นของชาและความนุ่มละมุนของนมข้นจืด อีกทั้งวิธีการชงที่พิถีพิถัน เช่น การกรองด้วยถุงชาแบบพิเศษเพื่อให้ได้เนื้อชาเนียนใสและรสชาติที่เข้มข้น ชานมฮ่องกงยังมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากชานมในประเทศอื่น เพราะเน้นความหนักแน่นของชาดำซึ่งมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่หวานเกินไปและให้กลิ่นหอมของใบชาอันโดดเด่น ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

สถานที่และราคาชานมฮ่องกง ชานมฮ่องกงสามารถหาดื่มได้ทั่วไปในฮ่องกง โดยเฉพาะร้าน “Cha Chaan Teng” เช่น Australia Dairy Company หรือ Lan Fong Yuen ที่ขึ้นชื่อเรื่องชานมสูตรดั้งเดิม ราคาชานมฮ่องกงมักเริ่มต้นที่ประมาณ 15-30 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 60-120 บาท) ขึ้นอยู่กับขนาดและสถานที่ หากต้องการสัมผัสประสบการณ์ชานมแท้ๆ แนะนำให้ไปเยือนย่านเซ็นทรัล มงก๊ก หรือจิมซาจุ่ย ซึ่งเต็มไปด้วยร้านน้ำชาที่มีบรรยากาศเป็นกันเองและเต็มไปด้วยเสน่ห์ท้องถิ่น

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
ชานมฮ่องกง (Hong Kong Milk Tea)

 

 

4. วาฟเฟิลฮ่องกง (Hong Kong Egg Waffle) | ขนมสตรีทฟู้ดสุดคลาสสิก

วาฟเฟิลฮ่องกง (Hong Kong Egg Waffle) หรือที่ชาวฮ่องกงเรียกว่า “ไก่ท๊านไจ๋” (雞蛋仔) เป็นขนมสตรีทฟู้ดยอดนิยมที่ถือกำเนิดในช่วงทศวรรษที่ 1950 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วาฟเฟิลชนิดนี้เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของร้านค้าขายของชำในฮ่องกง ซึ่งใช้ไข่ไก่ที่แตกแล้วมาเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อไม่ให้เสียของ โดยผสมไข่กับแป้ง น้ำตาล และนม แล้วอบในแม่พิมพ์ร้อนจนได้วาฟเฟิลรูปทรงเอกลักษณ์ที่มีผิวด้านนอกกรอบและเนื้อด้านในนุ่ม ปัจจุบันวาฟเฟิลฮ่องกงกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของอาหารสตรีทฟู้ดในฮ่องกงและได้รับความนิยมไปทั่วโลก

วิธีการทำวาฟเฟิลฮ่องกง วาฟเฟิลฮ่องกงทำโดยการผสมแป้งอเนกประสงค์ น้ำตาล ไข่ไก่ นมสด และผงฟูเพื่อให้แป้งฟูอย่างเหมาะสม จากนั้นเทแป้งลงในแม่พิมพ์เหล็กรูปทรงไข่และอบในความร้อนที่เหมาะสมจนกรอบนอกนุ่มใน แม่พิมพ์นี้มักมีลักษณะเป็นสองชิ้นที่พับเข้าหากันเพื่อสร้างรูปร่างเอกลักษณ์ของวาฟเฟิล วาฟเฟิลที่อบเสร็จจะมีสีเหลืองทอง กลิ่นหอมหวาน และพื้นผิวกรอบนอก เนื้อในนุ่มชุ่มด้วยความหวานละมุน บางร้านอาจเพิ่มรสชาติด้วยส่วนผสม เช่น ช็อกโกแลต มัทฉะ หรือไอศกรีมเพื่อเพิ่มความหลากหลาย

จุดเด่นของวาฟเฟิลฮ่องกง จุดเด่นของวาฟเฟิลฮ่องกงคือความแตกต่างในเนื้อสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร ด้านนอกกรอบเป็นพิเศษ ขณะที่ด้านในมีความนุ่มนวลและหอมหวาน รสชาติของวาฟเฟิลเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความลงตัวของไข่และน้ำตาล นอกจากนี้ รูปทรงที่เหมือนฟองไข่เล็กๆ ยังสร้างเอกลักษณ์ที่ทั้งสนุกสนานและดึงดูดใจ โดยเฉพาะเมื่อทานขณะยังร้อน วาฟเฟิลนี้ยังเหมาะสำหรับการเดินกินในย่านสตรีทฟู้ด ทำให้เป็นของว่างที่ทานง่ายและสะดวกในทุกเวลา

สถานที่และราคาของวาฟเฟิลฮ่องกง วาฟเฟิลฮ่องกงสามารถหาทานได้ทั่วไปตามร้านสตรีทฟู้ดในฮ่องกง ย่านที่มีชื่อเสียงสำหรับวาฟเฟิล ได้แก่ มงก๊ก (Mong Kok), จิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) และ เซ็นทรัล (Central) ร้านยอดนิยมเช่น Mammy Pancake ซึ่งได้รับรางวัลมิชลินบิบ กูร์มองด์ (Michelin Bib Gourmand) นำเสนอวาฟเฟิลที่มีคุณภาพและรสชาติหลากหลาย ราคาของวาฟเฟิลฮ่องกงเริ่มต้นที่ประมาณ 15-30 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 60-120 บาท) ขึ้นอยู่กับรสชาติและสถานที่ขาย การลองวาฟเฟิลฮ่องกงจากร้านริมทางในบรรยากาศท้องถิ่นถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
วาฟเฟิลฮ่องกง (Hong Kong Egg Waffle)

 

 

5. โจ๊กฮ่องกง (Hong Kong Congee) | เมนูเรียบง่ายที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์

โจ๊กฮ่องกง (Hong Kong Congee) เป็นอาหารที่มีรากฐานในวัฒนธรรมจีนมาช้านาน โดยเฉพาะในมณฑลกวางตุ้ง โจ๊กเป็นเมนูที่สะท้อนถึงความอบอุ่นและการดูแลของครอบครัวในสังคมจีน เนื่องจากมักถูกเสิร์ฟในช่วงเช้าหรือเวลาเจ็บป่วย โจ๊กฮ่องกงมีความแตกต่างจากโจ๊กในพื้นที่อื่นๆ ของจีนตรงที่มีเนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียด เนื้อโจ๊กเข้มข้นเหมือนครีม ได้จากการเคี่ยวข้าวกับน้ำจนแตกตัวอย่างสมบูรณ์ เมนูนี้กลายเป็นอาหารยอดนิยมในฮ่องกงทั้งสำหรับมื้อเช้าและมื้อเบาในระหว่างวัน

วิธีการทำโจ๊กฮ่องกง โจ๊กฮ่องกงทำโดยการนำข้าวสารมาแช่น้ำให้นิ่ม แล้วเคี่ยวในน้ำซุปที่ปรุงด้วยกระดูกหมูหรือไก่ เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอม การเคี่ยวใช้เวลานานจนข้าวแตกตัวและเนื้อโจ๊กเนียนละเอียด เพิ่มความอร่อยด้วยวัตถุดิบหลากหลาย เช่น หมูสับ กุ้ง ตับหมู ปลานึ่ง หรือไข่เยี่ยวม้า นอกจากนี้ยังมีการโรยหน้าด้วยต้นหอม ขิงซอย และน้ำมันงาเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติที่กลมกล่อม บางร้านอาจเสิร์ฟคู่กับปาท่องโก๋แบบกรอบ เพื่อเพิ่มสัมผัสที่หลากหลายในมื้ออาหาร

จุดเด่นของโจ๊กฮ่องกง จุดเด่นของโจ๊กฮ่องกงคือเนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียดและรสชาติที่กลมกล่อมจากการเคี่ยวข้าวและซุปอย่างพิถีพิถัน วัตถุดิบที่เลือกใช้มีความสดใหม่และถูกปรุงรสให้เข้ากันอย่างลงตัว ทำให้โจ๊กเป็นอาหารที่ไม่เพียงตอบโจทย์ในเรื่องของความอร่อย แต่ยังเป็นอาหารที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบประโลมร่างกาย ความหลากหลายในท็อปปิ้ง เช่น หมูสับรสกลมกล่อม ไข่เยี่ยวม้าหอมมัน หรือปลานึ่งสดใหม่ ช่วยเพิ่มความพิเศษให้โจ๊กฮ่องกงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

สถานที่และราคาของโจ๊กฮ่องกง โจ๊กฮ่องกงสามารถหาทานได้ง่ายในย่านต่างๆ ของฮ่องกง โดยเฉพาะร้านอาหารเช้าท้องถิ่น เช่น Sang Kee Congee Shopและ Mui Kee Congee ที่มีชื่อเสียงเรื่องโจ๊กสูตรต้นตำรับ ย่านมงก๊ก เซ็นทรัล และจิมซาจุ่ยเป็นแหล่งที่มีร้านโจ๊กคุณภาพมากมาย ราคาของโจ๊กฮ่องกงเริ่มต้นที่ประมาณ 30-50 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 120-200 บาท) ต่อชาม ขึ้นอยู่กับขนาดและวัตถุดิบ การลองโจ๊กในร้านเล็กๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์ท้องถิ่นที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนฮ่องกง

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
โจ๊กฮ่องกง (Hong Kong Congee)

 

 

6. พายไข่ฮ่องกง (Hong Kong Egg Tart) | ขนมที่สะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรม

พายไข่ฮ่องกง (Hong Kong Egg Tart) เป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลจากพายไข่สไตล์โปรตุเกส (Pastéis de Nata) และทาร์ตไข่สไตล์อังกฤษ โดยถูกนำเข้ามาในฮ่องกงในช่วงยุคอาณานิคมอังกฤษในศตวรรษที่ 20 และได้รับการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรสนิยมของชาวฮ่องกง พายไข่กลายเป็นขนมยอดนิยมในร้านน้ำชา (Cha Chaan Teng) และเบเกอรี่ทั่วไป ด้วยรสชาติที่เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ พายไข่จึงกลายเป็นหนึ่งในขนมที่ได้รับความนิยมที่สุดของฮ่องกงมาจนถึงปัจจุบัน

วิธีการทำพายไข่ฮ่องกง การทำพายไข่ฮ่องกงเริ่มจากการทำฐานแป้งพาย ซึ่งมี 2 แบบหลัก ได้แก่ แบบแป้งพัฟ (Puff Pastry) ที่ให้เนื้อสัมผัสกรอบเป็นชั้นๆ และ แบบแป้งทาร์ต (Shortcrust Pastry) ที่กรอบร่วนและเนียนนุ่ม ฐานพายถูกอบจนกรอบพอดี ก่อนเติมไส้ไข่ที่ทำจากไข่ไก่ น้ำตาล นมข้นจืด และน้ำ ซึ่งถูกผสมจนเนื้อเนียนละเอียดและเทลงในฐานแป้ง หลังจากนั้นนำไปอบจนไส้ไข่เซ็ตตัวและมีสีเหลืองทองสวยงาม การอบที่อุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้พายมีเนื้อสัมผัสที่สมบูรณ์แบบ

จุดเด่นของพายไข่ฮ่องกง จุดเด่นของพายไข่ฮ่องกงอยู่ที่เนื้อสัมผัสที่ลงตัวระหว่างฐานแป้งกรอบหอมเนยและไส้ไข่เนียนนุ่ม รสชาติของพายไข่ไม่หวานจนเกินไป แต่มีความหอมละมุนของไข่และนมที่ทำให้รับประทานง่าย ความสมดุลของเนื้อสัมผัสและรสชาติทำให้พายไข่ฮ่องกงเป็นขนมที่นิยมทานเป็นของว่างคู่กับชาหรือกาแฟ ทั้งยังเป็นขนมที่แสดงถึงการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว

สถานที่และราคาของพายไข่ฮ่องกง พายไข่ฮ่องกงสามารถหาทานได้ทั่วไปในฮ่องกง โดยเฉพาะในร้านเบเกอรี่ชื่อดัง เช่น Tai Cheong Bakery และ Honolulu Coffee Shop ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกพายไข่สูตรต้นตำรับ ย่านมงก๊ก เซ็นทรัล และจิมซาจุ่ย เป็นแหล่งที่มีร้านเบเกอรี่มากมาย ราคาพายไข่ฮ่องกงมักเริ่มต้นที่ประมาณ 8-15 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 30-60 บาท) ต่อชิ้น การได้ลองพายไข่สดใหม่ที่อบร้อนๆ จากเตาเป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาดสำหรับผู้ที่มาเยือนฮ่องกง

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
พายไข่ฮ่องกง (Hong Kong Egg Tart)

 

 

7. หม้อไฟฮ่องกง (Hot Pot) | การรวมตัวของอาหารและความสัมพันธ์

หม้อไฟฮ่องกง (Hong Kong Hot Pot) หรือที่เรียกว่า “ฮั่วกัว” ในภาษาจีน มีต้นกำเนิดจากวัฒนธรรมการกินหม้อไฟของจีนซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี หม้อไฟเริ่มต้นในมณฑลทางเหนือของจีน เช่น ปักกิ่งและเสฉวน และแพร่หลายสู่มณฑลกวางตุ้ง รวมถึงฮ่องกงในภายหลัง ฮ่องกงได้ปรับหม้อไฟให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเน้นการใช้วัตถุดิบสดใหม่ เช่น เนื้อวัวคุณภาพสูง อาหารทะเล และผักหลากชนิด พร้อมน้ำซุปที่หลากหลาย ตั้งแต่น้ำซุปกระดูกหมูรสอ่อน ไปจนถึงน้ำซุปสมุนไพรรสเข้มข้น หม้อไฟฮ่องกงจึงไม่ใช่แค่อาหาร แต่ยังเป็นกิจกรรมที่รวมตัวครอบครัวและเพื่อนฝูง

วิธีการทำหม้อไฟฮ่องกง หม้อไฟฮ่องกงเริ่มจากการเตรียมน้ำซุปซึ่งเป็นหัวใจหลักของหม้อไฟ โดยนิยมใช้น้ำซุปกระดูกหมู น้ำซุปไก่ หรือน้ำซุปสมุนไพร จากนั้นเตรียมวัตถุดิบสดใหม่ เช่น เนื้อสัตว์ที่สไลซ์บาง อาหารทะเลสด เช่น กุ้ง หอยเชลล์ และปลาหมึก พร้อมผักหลากชนิด เช่น ผักกาดฮ่องเต้ เห็ด และเต้าหู้ วัตถุดิบเหล่านี้จะถูกจุ่มลงในน้ำซุปร้อนจนสุกแล้วทานคู่กับน้ำจิ้มที่แต่ละคนสามารถปรุงเองได้ตามรสชาติ เช่น น้ำจิ้มถั่ว น้ำจิ้มพริก หรือซอสงา หม้อไฟมักเสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่หรือบะหมี่ไข่เพื่อเพิ่มความอิ่ม

จุดเด่นของหม้อไฟฮ่องกง หม้อไฟฮ่องกงมีจุดเด่นที่น้ำซุปหลากหลายชนิดซึ่งปรุงอย่างพิถีพิถันและเน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบ เนื้อสัตว์ที่สไลซ์บางช่วยให้สุกเร็วและคงความนุ่มในขณะที่อาหารทะเลสดใหม่เพิ่มรสหวานตามธรรมชาติ การปรุงหม้อไฟยังให้ประสบการณ์การกินที่สนุกสนานและอบอุ่น เนื่องจากผู้ทานสามารถเลือกปรุงอาหารตามชอบใจและแบ่งปันกันในหม้อเดียว ทำให้หม้อไฟฮ่องกงเป็นมื้อที่เต็มไปด้วยความสุขและความสัมพันธ์

สถานที่และราคาของหม้อไฟฮ่องกง หม้อไฟฮ่องกงเป็นอาหารที่หาทานได้ง่าย โดยมีร้านดังอย่าง Little Sheep Hot Pot และ The Drunken Pot ซึ่งมีน้ำซุปสูตรเฉพาะและวัตถุดิบคุณภาพดี ย่านที่นิยมสำหรับหม้อไฟ ได้แก่ มงก๊ก (Mong Kok), จิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) และ เซ็นทรัล (Central) ราคาของหม้อไฟฮ่องกงมักเริ่มต้นที่ประมาณ 150-300 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 600-1,200 บาท) ต่อคน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เลือก หากต้องการสัมผัสประสบการณ์หม้อไฟแบบดั้งเดิมและสนุกสนาน การไปทานหม้อไฟในฮ่องกงถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
หม้อไฟฮ่องกง (Hot Pot)

 

 

8. บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง (Wonton Noodle Soup) | รสชาติแห่งความดั้งเดิมของกวางตุ้ง

บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง (Wonton Noodle Soup) เป็นอาหารกวางตุ้งดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงอย่างมากในฮ่องกง และได้รับอิทธิพลมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมนูนี้มีจุดกำเนิดตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง โดยเริ่มจากการทำเกี๊ยวที่ห่อด้วยไส้กุ้งและหมูสับผสมกัน แล้วนำไปต้มในน้ำซุปร้อนๆ บะหมี่เกี๊ยวกุ้งเริ่มได้รับความนิยมในฮ่องกงช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และกลายเป็นหนึ่งในอาหารที่ต้องลิ้มลองของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เนื่องจากรสชาติที่กลมกล่อมและความพิถีพิถันในการทำ

วิธีการทำบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง บะหมี่เกี๊ยวกุ้งเริ่มจากการทำไส้เกี๊ยว โดยใช้กุ้งสด หมูสับ และเครื่องปรุงรส เช่น ซอสถั่วเหลือง น้ำมันงา และพริกไทย จากนั้นห่อด้วยแผ่นแป้งบางและนำไปต้มจนสุก เส้นบะหมี่ที่ใช้มักเป็นเส้นบะหมี่ไข่แบบดั้งเดิมที่มีความเหนียวนุ่ม และต้องต้มในน้ำร้อนก่อนลวกในน้ำเย็นเพื่อคงความเด้งของเส้น น้ำซุปสำหรับบะหมี่เกี๊ยวทำจากกระดูกหมูหรือไก่ เคี่ยวด้วยกุ้งแห้งและปลาแห้งเพื่อเพิ่มความหอมและรสชาติ ก่อนเสิร์ฟจะเติมน้ำซุปร้อนๆ ลงในชาม พร้อมโรยต้นหอมและผักชีเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม

จุดเด่นของบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง จุดเด่นของบะหมี่เกี๊ยวกุ้งอยู่ที่เกี๊ยวกุ้งที่ทำจากกุ้งสดเนื้อแน่น ผสมผสานกับแป้งบางที่ไม่หนาจนเกินไป เส้นบะหมี่ไข่ที่เหนียวนุ่มและเด้งเข้ากันได้ดีกับน้ำซุปที่หอมกลมกล่อม น้ำซุปมีรสชาติที่ลึกซึ้งจากการเคี่ยววัตถุดิบคุณภาพเป็นเวลานาน เมนูนี้ยังมีความสมดุลในรสชาติและเนื้อสัมผัส ทำให้รับประทานได้ง่ายและเหมาะสำหรับทุกมื้อ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้า กลางวัน หรือเย็น

สถานที่และราคาของบะหมี่เกี๊ยวกุ้งในฮ่องกง บะหมี่เกี๊ยวกุ้งเป็นเมนูที่สามารถหาทานได้ในร้านอาหารทั่วไปในฮ่องกง ย่านที่มีชื่อเสียงสำหรับเมนูนี้ ได้แก่ มงก๊ก (Mong Kok) และ เซ็นทรัล (Central) ร้านยอดนิยม เช่น Mak’s Noodle และ Tsim Chai Kee Noodle ขึ้นชื่อเรื่องเส้นบะหมี่เหนียวนุ่มและเกี๊ยวกุ้งรสเลิศ ราคาของบะหมี่เกี๊ยวกุ้งในฮ่องกงเริ่มต้นที่ประมาณ 40-70 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 160-280 บาท) ต่อชาม หากคุณกำลังมองหาอาหารที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพและรสชาติแท้ๆ ของฮ่องกง บะหมี่เกี๊ยวกุ้งคือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง (Wonton Noodle Soup)

 

 

9. ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ (Char Siu & Roasted Pork Rice) | อาหารยอดนิยมของฮ่องกง

ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ (Char Siu & Roasted Pork Rice) เป็นอาหารจานเดียวที่สะท้อนเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมการกินกวางตุ้ง มีต้นกำเนิดในมณฑลกวางตุ้งและได้รับความนิยมในฮ่องกงตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 20 “หมูแดง” หรือ Char Siu หมายถึงเนื้อหมูที่หมักด้วยซอสปรุงรสและนำไปย่างจนได้สีแดงเงาสวย ส่วน “หมูกรอบ” คือหมูสามชั้นที่ผ่านกระบวนการปรุงและย่างจนหนังกรอบและเนื้อนุ่ม เมนูนี้กลายเป็นหนึ่งในอาหารประจำร้านข้าวหน้าต่างๆ ของฮ่องกงและเป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

วิธีการทำข้าวหมูแดง-หมูกรอบ การทำ หมูแดง เริ่มจากการหมักเนื้อหมู (มักใช้ส่วนสันคอหรือหมูส่วนอื่นที่มีมันแทรก) ด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำตาล ซอสมะเขือเทศ น้ำผึ้ง และเครื่องเทศเฉพาะตัว จากนั้นนำไปย่างในเตาจนสุกและได้สีแดงเงา หมูกรอบ ทำโดยนำหมูสามชั้นไปลวกในน้ำเดือด จากนั้นทาเกลือและเครื่องเทศบนหนัง ก่อนนำไปอบในเตาไฟแรงจนหนังกรอบและเนื้อนุ่ม เมนูนี้เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และน้ำราดหวานเค็มที่เข้ากับเนื้อหมูทั้งสองแบบ

จุดเด่นของข้าวหมูแดง-หมูกรอบ จุดเด่นของเมนูนี้อยู่ที่ความสมดุลของเนื้อสัมผัสและรสชาติ หมูแดงมีเนื้อที่นุ่มชุ่มฉ่ำและรสหวานเค็มที่ลงตัวจากการหมัก ส่วนหมูกรอบมีหนังกรอบที่แตกตัวง่ายเมื่อกัดและเนื้อที่นุ่มใน ตัวน้ำราดที่หวานเค็มเล็กน้อยช่วยเพิ่มรสชาติให้ข้าวและหมูทั้งสองชนิด อีกทั้งเมนูนี้มักเสิร์ฟพร้อมผักลวก เช่น กวางตุ้ง หรือผักเขียวอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่นและความสมดุลของมื้ออาหาร

สถานที่และราคาของข้าวหมูแดง-หมูกรอบในฮ่องกง ร้านที่มีชื่อเสียงในฮ่องกงสำหรับข้าวหมูแดง-หมูกรอบ ได้แก่ Joy Hing Roasted Meat และ Kam’s Roast Goose ซึ่งมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และการย่างที่พิถีพิถัน ย่านที่เหมาะสำหรับการลองเมนูนี้ เช่น มงก๊ก (Mong Kok) และ หว่านไจ๋ (Wan Chai) ราคาของข้าวหมูแดง-หมูกรอบในฮ่องกงเริ่มต้นที่ประมาณ 40-70 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 160-280 บาท) ต่อจาน เมนูนี้เป็นอาหารจานเดียวที่ให้ทั้งรสชาติและความอิ่มท้องในมื้อเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับนักเดินทางที่อยากสัมผัสรสชาติแท้ๆ ของฮ่องกง

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ (Char Siu & Roasted Pork Rice)

 

 

10. เครปมะม่วง (Mango Pancake) | ขนมหวานยอดนิยมแห่งฮ่องกง

เครปมะม่วง (Mango Pancake) เป็นขนมหวานยอดนิยมในฮ่องกงที่สะท้อนถึงการผสมผสานวัฒนธรรมอาหารตะวันตกและเอเชีย มีจุดกำเนิดในร้านน้ำชาและร้านขนมหวานของฮ่องกงในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เนื่องจากมะม่วงเป็นผลไม้เขตร้อนที่ได้รับความนิยมในหมู่ชาวฮ่องกง ขนมชนิดนี้จึงถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้มะม่วงสุกเป็นวัตถุดิบหลัก เครปมะม่วงไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบรสชาติสดชื่นของมะม่วง แต่ยังกลายเป็นขนมหวานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยรูปทรงและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

วิธีการทำเครปมะม่วง การทำเครปมะม่วงเริ่มจากการทำแป้งเครป โดยผสมแป้งอเนกประสงค์ ไข่ นมสด น้ำตาล และเนยละลายเข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปทอดเป็นแผ่นบางๆ บนกระทะจนสุกแล้วพักไว้ สำหรับไส้เครปใช้มะม่วงสุกหั่นชิ้นพอดีคำ ผสมกับวิปครีมที่ตีจนขึ้นฟู เครปถูกห่อไส้มะม่วงและวิปครีมให้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก เนื้อเครปนุ่มบาง ไส้ในมีรสหวานหอมของมะม่วงและความมันของวิปครีม

จุดเด่นของเครปมะม่วง จุดเด่นของเครปมะม่วงอยู่ที่เนื้อแป้งเครปที่นุ่มเนียนและบางเฉียบ ประกอบกับไส้ในที่มีมะม่วงสดรสหวานฉ่ำและวิปครีมที่มีเนื้อเนียนนุ่ม รสชาติของมะม่วงสดช่วยเพิ่มความสดชื่นและตัดกับความมันของครีมได้อย่างลงตัว อีกทั้งรูปทรงของเครปที่ห่อเรียบร้อยและสีเหลืองอ่อนจากมะม่วงทำให้ดูน่ารับประทาน เครปมะม่วงยังถือเป็นขนมที่เหมาะสำหรับทานในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นของว่างยามบ่ายหรือปิดท้ายมื้ออาหาร

สถานที่และราคาของเครปมะม่วงในฮ่องกง เครปมะม่วงสามารถหาทานได้ทั่วไปในร้านขนมหวานชื่อดังของฮ่องกง เช่น Honeymoon Dessert และ Mei-Xin Desserts ย่านที่มีร้านขนมหวานยอดนิยม ได้แก่ จิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) และ มงก๊ก (Mong Kok) ราคาของเครปมะม่วงเริ่มต้นที่ประมาณ 20-40 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 80-160 บาท) ต่อชิ้น ขนมชนิดนี้ไม่เพียงแค่มีรสชาติอร่อย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของขนมหวานสไตล์ฮ่องกงที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
เครปมะม่วง (Mango Pancake)

 

 

10 เมนูที่แนะนำนี้เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมอาหารฮ่องกงที่หลากหลายและสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตะวันออกและตะวันตก แต่ละเมนูมีเรื่องราวและประวัติที่น่าสนใจ ตั้งแต่ติ่มซำและห่านย่างที่เป็นมรดกจากอาหารกวางตุ้ง ไปจนถึงเครปมะม่วงและพายไข่ที่แสดงถึงการปรับตัวของฮ่องกงกับวัฒนธรรมตะวันตก ทุกเมนูยังเน้นวัตถุดิบสดใหม่และวิธีการปรุงที่พิถีพิถัน ซึ่งทำให้นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เข้าใจและสัมผัสเสน่ห์ของฮ่องกงได้อย่างลึกซึ้ง การลองเมนูเหล่านี้จึงไม่ใช่แค่การกิน แต่เป็นการเปิดประสบการณ์วัฒนธรรมการกินที่น่าจดจำ “

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
อาหารฮ่องกง ควรหาโอกาสมาชิมเมื่อมาเที่ยว

 

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง ฮ่องกงนั้นเป็นสวรรค์ของนักชิมที่เต็มไปด้วยรสชาติและวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลาย ตั้งแต่เมนูดั้งเดิมของกวางตุ้ง เช่น ติ่มซำ ห่านย่าง และบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ไปจนถึงขนมหวานอย่างพายไข่และเครปมะม่วง เมืองนี้ยังมีย่านของกินที่ครึกครื้นอย่างมงก๊ก เซ็นทรัล และจิมซาจุ่ย ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารระดับมิชลินและสตรีทฟู้ดที่ตอบโจทย์ทุกงบประมาณ การสัมผัสอาหารฮ่องกงจึงเป็นมากกว่าการกิน แต่เป็นการดื่มด่ำกับวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของเมืองที่ไม่มีวันหลับใหล

อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การกินที่ไม่เหมือนใคร ฮ่องกงคือจุดหมายที่สมบูรณ์แบบ ทุกจานที่ลิ้มลองไม่เพียงแต่จะเติมเต็มความอิ่มอร่อย แต่ยังพาคุณสัมผัสเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ได้อย่างลึกซึ้ง อย่าลืมปักหมุดย่านของกินที่คุณอยากไป และเปิดใจลองอาหารใหม่ๆ เพื่อให้การเดินทางครั้งนี้เป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยรสชาติและความประทับใจ
อาหารฮ่องกง ย่านของกินฮ่องกง
อย่าลืมมาชิมกันนะคะ

 

>> 10 พิกัดท่องเที่ยวฮ่องกง คลิก

>>ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของเราได้ที่ช่องทางนี้ คลิก

“เรามุ่งมั่นที่จะทำทัวร์ท่องเที่ยวให้แตกต่างจากทั่วไป สถานที่ที่คุณจะได้ไปนั้นนอกจากจะได้ท่องเที่ยวพักผ่อนไปกับเราแล้วเรายังเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับคุณอีกด้วย กับแผนการเดินทางที่แตกต่างและไม่จำเจเหมือนกับทั่วๆไป อีกทั้งคุณยังได้รับการดูแลและมีบริการที่แตกต่าง ให้คุณเปรียบเสมือนคนพิเศษ ให้ได้รู้สึกสัมผัสการไปเที่ยวไม่เหมือนใคร และจะประทับใจแบบไม่มีทางลืมได้เลย..” คุณสามารถติดต่อหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้เพื่อเลือกเคมเปญที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณ

💬 ติดต่อเราได้เลย!

        • โทรด่วนได้ที่ 082-036-5184
        • ส่งภาพหน้างานและพูดคุยได้ที่ Line
          เพิ่มเพื่อน
        • Email : spregaltravel@hotmail.com
        • ติดตามเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/spregaltravel/