เที่ยวตุนหวง | เมืองกลางทะเลทรายที่ซ่อนมหัศจรรย์แห่งเส้นทางสายไหม

เที่ยวตุนหวง หากคุณกำลังมองหาจุดหมายที่ทั้งลึกลับ มีประวัติศาสตร์ลึกซึ้ง และทิวทัศน์ที่แตกต่างจากทุกที่ในจีน “ตุนหวง” คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้ามครับ เมืองกลางทะเลทรายโกบีแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมบนเส้นทางสายไหม มีทั้งถ้ำโม่เกาอันวิจิตรที่เก็บงำศิลปะพุทธอายุกว่าพันปี ทะเลทรายพระจันทร์เสี้ยวอันน่าหลงใหล และโอเอซิสกลางทะเลทรายที่ยังมีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ ตุนหวงไม่ได้เป็นแค่จุดหมายปลายทาง แต่คือประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีลมหายใจ

.

เที่ยวตุนหวง |📍ตำแหน่งที่ตั้งของตุนหวงอยู่ที่ไหน❓

ตุนหวง (Dunhuang, 敦煌) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน อยู่ในเขต มณฑลกานซู่ (Gansu Province) ใกล้พรมแดนประเทศคาซัคสถานและเขตปกครองตนเองซินเจียง ตุนหวงเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญบน “เส้นทางสายไหม” อันโด่งดังในอดีต ทำหน้าที่เป็นประตูเชื่อมโลกตะวันออกและตะวันตกมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น

เที่ยวตุนหวง
ตำแหน่งที่ตั้งตุนหวงในแผ่นดินจีน

.

แม้ปัจจุบันจะเป็นเมืองขนาดเล็กเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ในจีน แต่ความสำคัญทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของตุนหวงกลับยิ่งใหญ่และไม่เสื่อมคลาย

.

ลักษณะภูมิประเทศของตุนหวง 🏜️

👉  ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ตุนหวงตั้งอยู่ริม ทะเลทรายโกบี (Gobi Desert) และทะเลทราย ทากลามากัน (Taklamakan Desert) ซึ่งเป็นทะเลทรายที่กว้างใหญ่และแห้งแล้งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

👉  โอเอซิสกลางทะเลทราย ด้วยความที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าคาราวาน ตุนหวงจึงมีโอเอซิสหลายแห่งที่เกิดจากแหล่งน้ำใต้ดิน เช่น ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว (Crescent Lake) ที่งดงามและยังมีน้ำไม่เคยแห้งตลอดพันปี สร้างความมหัศจรรย์ให้กับผู้มาเยือน

👉  ภูเขาทรายเคลื่อนไหว อยู่ใกล้โอเอซิส เป็นเนินทรายสูงที่เกิดจากลมพัดสะสมทรายจนเป็นภูเขา เสียงลมที่พัดผ่านจะคล้ายเสียงดนตรี จนชาวจีนเรียกว่า “ภูเขาทรายร้องเพลง”

👉  ภูมิอากาศแบบทะเลทราย ตุนหวงมีอากาศร้อนจัดในตอนกลางวันและหนาวเย็นในเวลากลางคืน ปริมาณฝนน้อยมาก แต่ท้องฟ้าสดใสและเหมาะกับการชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกกลางเนินทราย

เที่ยวตุนหวง
เที่ยวตุนหวงกับถ้ำยวี่หลิน (Yulin Caves)

.

ความสัมพันธ์ระหว่างภูมิประเทศกับประวัติศาสตร์

ภูมิประเทศของตุนหวงที่เป็นโอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย ทำให้ในอดีตที่นี่กลายเป็น จุดพักของกองคาราวานและพ่อค้า ที่เดินทางข้ามเส้นทางสายไหมมาจากตะวันตก บ่อยครั้งที่ตุนหวงทำหน้าที่เหมือน “สี่แยกวัฒนธรรม” มีทั้งชาวจีน ชาวเปอร์เซีย อินเดีย และอาหรับ มาพบปะ แลกเปลี่ยนสินค้าศิลปะ ความเชื่อ และศาสนา โดยเฉพาะพุทธศาสนาที่เผยแพร่เข้าจีนผ่านตุนหวงในอดีต

” ตุนหวงไม่ได้เป็นแค่เมืองในทะเลทราย แต่คือจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโลกตะวันออกที่มีภูมิประเทศเฉพาะตัว ชวนให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับธรรมชาติที่แปลกตา และเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา “

.

เที่ยวตุนหวง | ภูมิอากาศเป็นอย่างไร❓

☁️ ภาพรวมของภูมิอากาศจะเป็นแบบทะเลทราย

ตุนหวงมีภูมิอากาศแบบทะเลทรายแห้งแล้ง (Arid Desert Climate) ตามการจำแนกของ Köppen climate classification ซึ่งหมายถึง มีฝนตกน้อยมากในแต่ละปี (เฉลี่ย ไม่ถึง 50 มม./ปี) และมีความชื้นในอากาศต่ำ ส่วนอุณหภูมิจะผันผวนมากระหว่างกลางวันและกลางคืน ท้องฟ้าส่วนใหญ่ปลอดโปร่งและมีแดดตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีมีตั้งแต่ -15°C ในฤดูหนาว ไปจนถึง 40°C ขึ้นไปในฤดูร้อน แต่ความแห้งแล้งทำให้อากาศไม่อบอ้าวเท่าทะเลทรายแบบเขตร้อน

.

☁️ สภาพอากาศรายฤดู

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) มีอุณหภูมิประมาณ 10°C – 25°C และลมพัดแรง โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งอาจมีพายุทรายบ้าง ส่วนทิวทัศน์นั้นสวยงาม มีแสงแดดอ่อน เหมาะกับการเดินทางกลางวัน ที่นี่ส่วนใหญ่อากาศแห้งคุณจึงควรพกแว่นกันฝุ่นและผ้าปิดจมูกด้วย

ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) มีอุณหภูมิกลางวัน 30°C – 42°C ส่วนกลางคืนอาจลดเหลือ 15°C – 20°C ท้องฟ้ามักแจ่มใส เหมาะกับถ่ายภาพเนินทรายและพระอาทิตย์ตก ในตอนกลางวันอากาศมักร้อนจัดจึงควรเที่ยวตอนเช้าหรือเย็น และดื่มน้ำให้เพียงพอ

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – ตุลาคม) มีอุณหภูมิประมาณ 15°C – 28°C อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าเปิด ไม่มีลมแรง จึงเป็นฤดูท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มักเหมาะกับการเที่ยวทะเลทรายและชมโอเอซิสกลางแจ้ง

ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์) มีอุณหภูมิต่ำสุด -15°C หรือมากกว่านั้น กลางวันมักสั้น และอาจมีลมหนาวแรง ในฤดูนี้บรรยากาศสงบ นักท่องเที่ยวน้อย คุณควรเตรียมเสื้อกันหนาวที่ทนลม ครีมกันแห้ง และเครื่องกันความชื้นสำหรับผิว

เที่ยวตุนหวง
ตุนหวงในฤดูหนาว

.

✅ ช่วงเวลาที่แนะนำให้เที่ยวตุนหวง

👍 ดีที่สุด กันยายน – ตุลาคม (ฤดูใบไม้ร่วง) อุณหภูมิกำลังดี อากาศนิ่ง ฟ้าใส ทรายสะอาด ไม่มีพายุฝุ่น

👍 รองลงมา พฤษภาคม – มิถุนายน (ปลายฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูร้อน)ถ่ายภาพได้ดี แต่อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น ต้องวางแผนเที่ยวให้เช้า–เย็น

.

เคล็ดลับการเตรียมตัวตามฤดูกาล

เสื้อผ้าคุณควรใส่เสื้อแขนยาวผ้าบางเพื่อกันแดด และมีเสื้อแจ็คเก็ตกันลมในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูหนาว รวมถึงต้องมี แว่นกันแดด, หมวกปีกกว้าง, ผ้าปิดจมูกกันทราย, ครีมกันแดด SPF สูง ที่สำคัญคุณควรดื่มน้ำบ่อยๆเพราะอากาศแห้งจะทำให้ร่างกายขาดน้ำโดยไม่รู้ตัวครับ

” ภูมิอากาศของตุนหวงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจหากต้องการที่จะท่องเที่ยว ถ้าคุณเข้าใจสภาพอากาศล่วงหน้าจะสามารถวางแผนการท่องเที่ยวได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า เวลาเที่ยว หรืออุปกรณ์ต่างๆ การได้ชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางเนินทรายเงียบสงบและโอเอซิสกลางทะเลทรายในช่วงเวลาที่ดี ก็จะเป็นความทรงจำที่คุ้มค่ากับการเดินทางไกลมายังตุนหวงอย่างแน่นอนครับ “

.

เที่ยวตุนหวง | 🏆 10 ที่เที่ยวตุนหวง แนะนำไฮไลท์ห้ามพลาด!

1. ถ้ำโม่เกา (Mogao Caves) 🚩 | มรดกโลกแห่งศิลปะพุทธศาสนาและเส้นทางสายไหม

ถ้ำโม่เกา หรือที่เรียกกันว่า “ถ้ำพันพุทธ” คือหนึ่งในสมบัติทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนและของโลก ตั้งอยู่ริมหน้าผาทางตะวันออกของภูเขาหมิงซาซาน เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ จุดเริ่มต้นของการสร้างถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 366 โดยพระภิกษุนามว่า “เล่อจุน” ผู้เห็นภาพนิมิตพระพุทธองค์ท่ามกลางรัศมีทองคำกลางทะเลทราย จึงเริ่มขุดถ้ำแห่งแรกขึ้น จากนั้นถ้ำอื่นๆ ก็ทยอยสร้างขึ้นตามมาในช่วงราชวงศ์ต่างๆ โดยเฉพาะในยุคราชวงศ์สุยและถัง ซึ่งถือเป็นยุคทองของศิลปกรรมพุทธศิลป์จีน ถ้ำแห่งนี้มีมากกว่า 700 ถ้ำ (ปัจจุบันอนุรักษ์ไว้ได้ประมาณ 492 ถ้ำ) และตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 45,000 ตารางเมตร และประติมากรรมพระพุทธรูปกว่า 2,000 องค์

เที่ยวตุนหวง
ถ้ำโม่เกา (Mogao Caves)ภายนอก
เที่ยวตุนหวง
ถ้ำโม่เกา (Mogao Caves)ภายใน

.

ความโดดเด่นของถ้ำโม่เกาไม่ได้มีเพียงความงดงามทางศิลปะเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะ “ถ้ำหมายเลข 17” หรือที่เรียกว่า “ถ้ำห้องสมุด” ซึ่งค้นพบเอกสารโบราณกว่า 50,000 ชิ้นที่ถูกซ่อนไว้ภายในเมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน เอกสารเหล่านี้เป็นหลักฐานล้ำค่าเกี่ยวกับภาษา ศาสนา การค้า การปกครอง และวัฒนธรรมที่สะท้อนความหลากหลายของเส้นทางสายไหม ทั้งในภาษาจีน ทิเบต สันสกฤต ปรากฤต อุยกูร์ และภาษาโบราณอื่นๆ ถ้ำโม่เกาจึงเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะพุทธที่มีชีวิต มีการดูแลอย่างเข้มงวดเพื่ออนุรักษ์ภาพวาดและประติมากรรมไม่ให้เสื่อมสลาย โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับการจัดกลุ่มและนำชมถ้ำที่เปิดให้เข้าชมแบบหมุนเวียน เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมภายในให้คงอยู่ได้อีกหลายร้อยปี

เวลาเปิด-ปิด : เมษายน – ตุลาคม 08:00 – 18:00 , พฤศจิกายน – มีนาคม 09:00 – 17:30

ค่าเข้าชม : ฤดูท่องเที่ยว (เม.ย. – ต.ค.) ¥238 , ฤดูโลว์ซีซั่น (พ.ย. – มี.ค.) ¥140

พิกัด GPS : ละติจูด 40.0450° N , ลองจิจูด 94.7980° E

.

2. ทะเลทรายหมิงซาซาน (Mingsha Shan / Singing Sand Dunes) 🚩 | ภูเขาทรายที่ร้องเพลงได้ และทะเลทรายที่มีชีวิต

หมิงซาซาน หรือ “ภูเขาทรายร้องเพลง” เป็นหนึ่งในภูมิประเทศที่แปลกและน่าตื่นตาที่สุดในประเทศจีน ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองตุนหวงเพียงไม่กี่กิโลเมตร เนินทรายที่นี่สูงได้ถึง 250 เมตร และทอดยาวไกลสุดสายตากว่า 40 กิโลเมตร เม็ดทรายที่นี่มีลักษณะพิเศษคือแห้งและละเอียดมาก เมื่อลมพัดหรือผู้คนเคลื่อนไหวบนผืนทราย จะเกิดเสียงก้องคล้ายเสียงฟู่ เสียงระฆัง หรือแม้กระทั่งเสียงดนตรี จนชาวจีนโบราณขนานนามว่า “ภูเขาทรายร้องเพลง” ปรากฏการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนาทางวิทยาศาสตร์ที่ดึงดูดนักวิจัยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาสัมผัสด้วยตัวเอง

เที่ยวตุนหวง
ทะเลทรายหมิงซาซาน

.

ไม่เพียงแต่ความแปลกของเสียงเท่านั้น หมิงซาซานยังมอบความประทับใจกลางทะเลทรายที่ทั้งท้าทายและโรแมนติก นักท่องเที่ยวสามารถเลือกทำกิจกรรมหลากหลาย เช่น ขี่อูฐท่องทะเลทรายแบบคาราวานโบราณ ลื่นทรายจากยอดเนินด้วยบอร์ดทราย หรือขึ้นรถ ATV ตะลุยเนินทราย พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในจีน นอกจากนี้ ยังสามารถเดินทางต่อไปยังทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาได้โดยง่าย ถือเป็นการท่องเที่ยวสองจุดไฮไลต์ในทริปเดียวที่ผสมผสานทั้งความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ผู้ที่มาเยือนควรเตรียมอุปกรณ์กันแดด น้ำดื่ม และกล้องถ่ายภาพให้พร้อม เพราะวิวของหมิงซาซานไม่เพียงแต่ตราตรึงตา แต่ยังตรึงใจไปอีกนาน

เวลาเปิด-ปิด : 06:00 – 19:30

ค่าเข้าชม : ฤดูท่องเที่ยว (พ.ค. – ต.ค.)  ¥110 , ฤดูโลว์ซีซั่น (พ.ย. – เม.ย.) ¥55

พิกัด GPS : ละติจูด 40.0990° N , ลองจิจูด 94.6620° E

.

3. ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว (Crescent Lake / Yueyaquan) 🚩 | โอเอซิสพันปีท่ามกลางทะเลทรายที่ไม่เคยเหือดแห้ง

ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว หรือ “เยว่ยาเฉวียน” (Yueyaquan) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่าทึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาทะเลทรายหมิงซาซาน (Mingsha Shan) ในเมืองตุนหวง ถือเป็นโอเอซิสแห่งชีวิตที่อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแห้งแล้งสุดขั้วของทะเลทรายโกบี ทะเลสาบมีลักษณะพิเศษคือมีรูปทรงคล้ายพระจันทร์เสี้ยวตามชื่อ และแม้จะมีขนาดเล็กกว่าที่หลายคนคาดไว้ (ยาวราว 100 เมตร ลึกประมาณ 5 เมตร) แต่กลับเปี่ยมด้วยพลังแห่งความอัศจรรย์ เพราะแม้อยู่กลางผืนทรายที่ร้อนระอุและลมแรงตลอดปี น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ก็ไม่เคยเหือดแห้งเลยตลอดหลายพันปี เชื่อกันว่าแหล่งน้ำใต้ดินและระบบธรรมชาติที่ซับซ้อนคือปัจจัยที่ช่วยรักษาสมดุลของน้ำไว้ได้อย่างน่าทึ่ง

เที่ยวตุนหวง
ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว

.

นอกจากคุณค่าทางธรรมชาติแล้ว ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวยังมีความสำคัญในฐานะจุดพักของกองคาราวานในอดีตบนเส้นทางสายไหม เป็นที่ที่พ่อค้าและนักเดินทางโบราณแวะพักเติมน้ำและพักผ่อนก่อนข้ามทะเลทรายอันโหดร้าย ปัจจุบัน ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดในตุนหวง โดยนักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายภาพสะท้อนผืนน้ำกับเนินทรายยามพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก นอกจากนี้ยังสามารถเดินเที่ยวรอบทะเลสาบ นั่งพักริมศาลาไม้แบบจีนโบราณ หรือเชื่อมต่อไปเที่ยวภูเขาทรายหมิงซาซานซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้เยว่ยาเฉวียนเป็นหนึ่งใน “โอเอซิสในฝัน” ที่ควรค่าแก่การเดินทางมาเห็นด้วยตาและซึมซับด้วยหัวใจ

เวลาเปิด-ปิด : 06:00 – 19:30

ค่าเข้าชม : ฤดูท่องเที่ยว (พ.ค. – ต.ค.): ¥110 , ฤดูโลว์ซีซั่น (พ.ย. – เม.ย.): ¥55

พิกัด GPS : ละติจูด 40.0853° N , ลองจิจูด 94.6683° E

.

4. พิพิธภัณฑ์ตุนหวง (Dunhuang Museum) 🚩 | กุญแจไขความลับของเส้นทางสายไหมและอารยธรรมตุนหวง

พิพิธภัณฑ์ตุนหวงตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นศูนย์รวมความรู้ที่สำคัญของภูมิภาคตะวันตกของจีน โดยมีภารกิจหลักในการอนุรักษ์และจัดแสดงวัตถุโบราณอันล้ำค่าที่ขุดพบจากพื้นที่รอบเมืองตุนหวงซึ่งเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์บนเส้นทางสายไหมมานับพันปี ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงโบราณวัตถุหลากหลายประเภท เช่น ภาชนะดินเผา อาวุธโบราณ เครื่องประดับ เหรียญเงิน ทองคำ และผ้าไหมที่ยังคงสภาพดี รวมถึงเอกสารจารึกโบราณที่สะท้อนถึงการค้า ศาสนา และการปกครองของยุคโบราณ จุดเด่นอีกประการคือ ภาพจำลองจิตรกรรมฝาผนังจากถ้ำโม่เกา ซึ่งนำเสนอในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย พร้อมคำบรรยายที่อธิบายความหมายเชิงสัญลักษณ์ของแต่ละภาพอย่างละเอียด

เที่ยวตุนหวง
พิพิธภัณฑ์ตุนหวง

.

นอกจากการจัดแสดงถาวรแล้ว พิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดนิทรรศการหมุนเวียนที่นำเสนอประเด็นเฉพาะทาง เช่น ชีวิตของพ่อค้าคาราวาน, พุทธศิลป์แห่งเอเชียกลาง, และบทบาทของตุนหวงในฐานะ “ศูนย์รวมศาสนา” ซึ่งช่วยขยายมุมมองของผู้ชมให้เข้าใจว่าตุนหวงไม่ได้เป็นเพียงจุดพักในทะเลทราย แต่คือศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่ส่งผลถึงเอเชียและตะวันตก แม้พิพิธภัณฑ์จะไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่มีการออกแบบพื้นที่ให้เหมาะกับการเดินชมอย่างสบาย พร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษและแผ่นพับที่มีข้อมูลครบถ้วน สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจภาพรวมของตุนหวงก่อนจะออกเดินทางไปยังถ้ำโม่เกาหรือสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง

เที่ยวตุนหวง
พิพิธภัณฑ์ตุนหวง

.

เวลาเปิด-ปิด : พฤษภาคม – กันยายน 09:00 – 18:30 , ตุลาคม – เมษายน: 09:00 – 18:00 , ปิดทำการทุกวันจันทร์

ค่าเข้าชม : ฟรี (ต้องแสดงบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง)

พิกัด GPS : ละติจูด 40.1420° N , ลองจิจูด 94.6610° E

.

5. กำแพงเมืองโบราณหยางกวน (Yangguan Pass) 🚩 | ด่านประวัติศาสตร์แห่งเส้นทางสายไหม ที่ทอดตัวยืนหยัดกลางทะเลทราย

หยางกวน หรือ “ด่านประตูแดนใต้” เป็นหนึ่งในด่านหน้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีนบนเส้นทางสายไหม ควบคู่กับ “ยวี่เหมินกวน” หรือประตูหยก สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น เมื่อราวปี 107 ก่อนคริสต์ศักราช จุดประสงค์หลักของด่านหยางกวนคือเพื่อปกป้องชายแดนตะวันตกของราชวงศ์ฮั่นจากการรุกรานของชนเผ่าฮั่นต่างถิ่น และเป็นจุดผ่านด่านของกองคาราวาน พ่อค้า และทูตที่เดินทางไปยังเอเชียกลาง ปัจจุบันแม้สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่จะเหลือเพียงซากดินตากแดดที่ถูกกัดเซาะด้วยกาลเวลา แต่บรรยากาศโดยรอบยังคงเต็มไปด้วยมนต์ขลังและความรู้สึกของ “ชายแดนโลกเก่า” ที่เรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีน

เที่ยวตุนหวง
กำแพงเมืองโบราณหยางกวน

.

ผู้มาเยือนจะได้ชมซากกำแพงดินอัดโบราณ หอคอยสังเกตการณ์ และทางลาดดินที่เคยใช้เป็นเส้นทางข้ามทะเลทราย รวมถึง พิพิธภัณฑ์หยางกวน ขนาดเล็กแต่จัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ ทั้งแบบจำลองโบราณสถาน, ภาพแผนที่เส้นทางการค้าในอดีต, และวัตถุโบราณที่ขุดค้นได้จากพื้นที่โดยรอบ นอกจากนี้ยังมี จุดชมวิวแบบพาโนรามา ที่สามารถมองเห็นแนวทะเลทรายทอดยาวสู่ขอบฟ้า ซึ่งช่วยเสริมอารมณ์และจินตนาการได้อย่างยอดเยี่ยม ที่พลาดไม่ได้คือการเดินบน “ถนนหินอิฐ” จำลองที่สลักบทกวีโบราณของกวีชื่อดัง “หวังเว่ย” ซึ่งกล่าวอำลาเพื่อนรักที่เดินทางผ่านด่านหยางกวนไปสู่ดินแดนตะวันตก—เป็นประสบการณ์ที่ทั้งซึ้งและมีพลังทางวรรณกรรมอย่างลึกซึ้ง

เวลาเปิด-ปิด : 08:00 – 20:00

ค่าเข้าชม : ¥50

พิกัด GPS : ละติจูด 39.9300° N , ลองจิจูด 93.6900° E

.

6. ด่านจั่วกวน (Yumen Pass / Jade Gate Pass) 🚩 | ประตูแห่งแดนตะวันตก จุดเชื่อมโลกเก่าบนเส้นทางสายไหม

ด่านจั่วกวน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ประตูหยก” เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของเส้นทางสายไหม สร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ฮั่นราว 2,000 ปีก่อน โดยใช้เป็นเส้นทางหลักในการติดต่อค้าขายระหว่างจีนกับเอเชียกลางและตะวันตก ด่านแห่งนี้ได้รับชื่อว่า “ประตูหยก” เพราะในอดีตสินค้าที่เดินทางเข้ามายังจีน เช่น หยกจากภูเขาเทียนซาน มักจะผ่านเข้ามาทางนี้ก่อนจะเข้าสู่ภาคในของอาณาจักรฮั่น ความสำคัญของด่านจั่วกวนจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการควบคุมพรมแดน แต่ยังเป็นด่านวัฒนธรรมที่เปิดรับศาสนา เทคโนโลยี ภาษา และอารยธรรมจากต่างถิ่นเข้าสู่แผ่นดินจีน

เที่ยวตุนหวง
ด่านจั่วกวน

.

แม้ปัจจุบันสิ่งปลูกสร้างจะเหลือเพียงซากดินอัดแน่นที่ถูกกัดกร่อนด้วยลมทะเลทราย แต่กลิ่นอายของอารยธรรมยังคงชัดเจน ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับภูมิทัศน์ที่แห้งแล้งกว้างใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และจินตนาการ มีการจัดพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวให้เดินสำรวจซากกำแพง หอคอย และเส้นทางคาราวานในอดีต อีกทั้งยังมี ศูนย์จัดแสดงนิทรรศการขนาดเล็ก ที่อธิบายบทบาทของด่านจั่วกวนผ่านแผนที่โบราณ โมเดลด่าน และเอกสารทางประวัติศาสตร์ บางฤดูยังมีการแสดงเชิงวัฒนธรรม เช่น การจำลองการเดินทางของคาราวาน การแต่งกายสมัยราชวงศ์ฮั่น และเวิร์กชอปงานหัตถกรรมจีนโบราณ ด่านจั่วกวนจึงไม่ใช่แค่จุดถ่ายรูปกับซากดินประวัติศาสตร์ แต่เป็นการก้าวเข้าสู่ประตูเวลา ที่พาผู้คนย้อนรอยความรุ่งเรืองของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตกที่เคยบรรจบกัน ณ ที่แห่งนี้

เวลาเปิด–ปิด : 07:00 – 19:30

ค่าเข้าชม : ¥40 (รวมการเข้าชมด่านจั่วกวน, กำแพงเมืองฮั่น, และซากเมืองเหอชางเฉิง) 

พิกัด GPS : ละติจูด 40.3530° N , ลองจิจูด 93.9900° E

.

7. หอคอยสัญญาณควันราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty Beacon Tower Ruins) 🚩 | ยุทธศาสตร์การเตือนภัยกลางทะเลทราย ที่ยืนหยัดข้ามพันปี

หอคอยสัญญาณควันในสมัยราชวงศ์ฮั่นถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบป้องกันพรมแดนจีนโบราณ ซึ่งมีความชาญฉลาดและเป็นระบบมากกว่าที่หลายคนคิด โดยหอคอยเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นห่างกันเป็นระยะๆ ตลอดแนวชายแดน เพื่อตรวจตราความเคลื่อนไหวของศัตรูและส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังฐานทัพหลักได้อย่างรวดเร็ว ในเวลากลางวันจะใช้การจุดไฟให้เกิดควัน ส่วนกลางคืนจะใช้เปลวไฟ เมื่อหอคอยหนึ่งเห็นสัญญาณจากอีกหอหนึ่ง ก็จะส่งต่อทันทีแบบลูกโซ่ ทำให้ข่าวสารเดินทางได้รวดเร็วกว่าการส่งคนหรือม้าอย่างมาก ระบบนี้เปรียบเสมือน “เครือข่ายไร้สาย” แห่งโลกโบราณ และแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางยุทธศาสตร์ของจีนในยุคฮั่นที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน

เที่ยวตุนหวง
หอคอยสัญญาณควันราชวงศ์ฮั่น

.

ซากหอคอยที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันกระจายอยู่ในบริเวณทะเลทรายใกล้ด่านจั่วกวนและหยางกวน แม้จะถูกกัดเซาะด้วยลมและเวลา แต่โครงสร้างดินอัดทรงสูงยังคงตระหง่านให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอดีต นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนสามารถปีนขึ้นไปยังบริเวณฐานเพื่อชมวิวพาโนราม่าของทะเลทรายโกบี และสัมผัสบรรยากาศของด่านชายแดนโบราณที่เคยเงียบงันแต่เปี่ยมด้วยความหมายทางประวัติศาสตร์ ที่นี่ไม่ได้มีเพียงทิวทัศน์ แต่ยังชวนให้ตั้งคำถามถึงความแข็งแกร่งของระบบการป้องกันยุคก่อนสมัยใหม่ และบทบาทสำคัญของจีนในฐานะมหาอำนาจแห่งการเชื่อมโลกตะวันออกกับตะวันตกผ่านเส้นทางสายไหม

เวลาเปิด–ปิด : 08:00 – 18:00

ค่าเข้าชม : ฟรี (รวมอยู่ในบัตรเข้าชมด่านจั่วกวน) 

พิกัด GPS : ละติจูด 40.3500° N , ลองจิจูด 93.9500° E

.

8. ถ้ำยวี่หลิน (Yulin Caves) 🚩 | พี่น้องของถ้ำโม่เกา กับขุมทรัพย์พุทธศิลป์กลางหุบเขา

ถ้ำยวี่หลิน ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองตุนหวงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 70 กิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางพุทธศิลป์โบราณที่สำคัญของจีน และมักถูกเรียกว่า “ถ้ำพี่น้องของถ้ำโม่เกา” เนื่องจากมีลักษณะการตกแต่งภายในที่คล้ายคลึงกัน ทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนังและประติมากรรมพระพุทธรูป โดยเริ่มสร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ประมาณศตวรรษที่ 5) ต่อเนื่องถึงราชวงศ์ถัง ซ่ง และหยวน รวมเวลาหลายร้อยปี ปัจจุบันมีถ้ำทั้งหมดกว่า 40 ถ้ำที่ได้รับการอนุรักษ์ โดยมี 43 ถ้ำเปิดให้ชม ซึ่งมีทั้งถ้ำขนาดเล็กที่ใช้ปฏิบัติธรรม และถ้ำขนาดใหญ่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมพุทธศาสนา ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในมีความวิจิตรและแสดงถึงอิทธิพลของพุทธศิลป์จากหลากหลายภูมิภาค เช่น อินเดีย อุยกูร์ และจีนตอนกลาง

เที่ยวตุนหวง
ถ้ำยวี่หลิน (Yulin Caves)

.

แม้จะมีชื่อเสียงน้อยกว่าถ้ำโม่เกา แต่ถ้ำยวี่หลินกลับมอบประสบการณ์ที่สงบ เงียบ และเป็นส่วนตัวมากกว่า เหมาะสำหรับนักเดินทางที่หลงใหลในศิลปะพุทธแบบลึกซึ้ง ที่นี่ไม่มีฝูงชนหนาแน่น และสามารถใช้เวลาดื่มด่ำกับรายละเอียดของภาพวาดที่เล่าเรื่องพุทธประวัติ ชาดก และเรื่องราวในพระไตรปิฎกได้อย่างเต็มที่ ภาพวาดบางถ้ำยังคงสีสันสดใสแม้จะผ่านกาลเวลามานานนับพันปี และถ้ำพิเศษบางแห่ง (เช่น ถ้ำหมายเลข 25) จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะผู้ที่จองล่วงหน้าเท่านั้น การเดินทางไปยังถ้ำยวี่หลินอาจต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้น แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการสัมผัสร่องรอยพุทธศรัทธาที่บริสุทธิ์และสง่างามในสภาพแวดล้อมที่ยังไม่ถูกรบกวนจากความพลุกพล่านของโลกยุคใหม่

เวลาเปิด–ปิด : 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม 09:00 – 17:30 , 1 พฤศจิกายน – 30 เมษายน 10:00 – 17:00

ค่าเข้าชม : ถ้ำทั่วไป ¥55 , ถ้ำพิเศษ (เช่น ถ้ำหมายเลข 25) ¥200 

พิกัด GPS : ละติจูด 40.0592° N , ลองจิจูด 95.9361° E 

.

9. วัดเล่ยอิน (Leiyin Temple) 🚩 | วัดโบราณกลางทะเลทราย ที่หล่อเลี้ยงศรัทธากว่าพันปี

วัดเล่ยอิน (Leiyin Temple) เป็นวัดพุทธเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,700 ปี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวและเนินทรายหมิงซาซาน ท่ามกลางบรรยากาศทะเลทรายที่แห้งแล้ง วัดแห่งนี้กลับเปล่งประกายแห่งความสงบ เงียบ และเปี่ยมด้วยพลังศรัทธา วัดได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านโครงสร้างอาคารไม้หลังคาทรงจีนโบราณ ลวดลายแกะสลักบนโถงวิหาร และพระพุทธรูปขนาดใหญ่ภายในวิหารกลางที่ประดิษฐานอยู่บนฐานบัวอันวิจิตร ความงดงามของพระพุทธรูปไม่ได้มีเพียงแค่ฝีมือศิลป์ แต่ยังเปี่ยมด้วยอารมณ์สงบที่สามารถสัมผัสได้เมื่อยืนอยู่ต่อหน้า

เที่ยวตุนหวง
วัดเล่ยอิน (Leiyin Temple)

.

วัดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นสถานที่สำหรับ “การหยุดพักของใจ” นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลือกมาเยือนที่นี่เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย และใช้เวลาในการเดินสมาธิหรือนั่งภาวนาในลานกว้างท่ามกลางเงาไม้และเสียงลมพัดผ่านทราย วิวรอบวัดเปิดโล่ง สามารถมองเห็นทะเลทรายและภูเขาทรายเบื้องหลัง ช่วยเสริมให้วัดกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างมีพลัง การมาเยือนวัดเล่ยอินจึงไม่ใช่แค่การชมวัดเก่า หากแต่เป็นการเติมเต็มประสบการณ์จิตวิญญาณของการเดินทางในตุนหวงอย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่สนใจในพุทธศิลป์ ศาสนา หรือแม้แต่นักเดินทางสาย slow life ที่ต้องการพื้นที่เงียบสงบกลางทะเลทราย ที่นี่คือคำตอบ

เวลาเปิด–ปิด : โดยทั่วไปเปิดในช่วงกลางวัน

ค่าเข้าชม : ฟรี

พิกัด GPS : ละติจูด 40.1000° N , ลองจิจูด 94.6500° E 

.

10. ตลาดกลางคืนซาซโจว (Shazhou Night Market) 🚩 | หัวใจของวิถีชีวิตท้องถิ่นยามค่ำคืนในตุนหวง

ตลาดกลางคืนซาซโจว (Shazhou Night Market) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในตุนหวง ตั้งอยู่บนถนนหยางกวนตะวันออก ใจกลางเมืองเก่า ตลาดแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งรวมอาหารท้องถิ่นและของที่ระลึกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนได้อย่างชัดเจน เมื่อพระอาทิตย์ลับฟ้าและอากาศทะเลทรายเริ่มเย็นลง ตลาดแห่งนี้ก็เริ่มมีชีวิตขึ้นอย่างคึกคัก บรรยากาศเต็มไปด้วยแสงไฟจากโคมแดง เสียงเรียกลูกค้าของพ่อค้าแม่ค้า และกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่ลอยฟุ้งในอากาศ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นชิมอาหารไปเรื่อยๆ อย่างเช่น บะหมี่เนื้อแพะ, ไม้เสียบเนื้อย่างแบบซินเจียง, ขนมแป้งทอด, หรือแม้แต่ขนมพื้นบ้านอย่าง “กาวเหลียงกัว” (เค้กข้าวฟ่าง)

เที่ยวตุนหวง
ตลาดกลางคืนซาซโจว

.

นอกจากของกิน ตลาดซาซโจวยังโดดเด่นด้วยแผงขายงานหัตถกรรมที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยในเขตซินเจียงและกานซู่ เช่น ผ้าปักลายอุยกูร์, เครื่องประดับเงินทำมือ, งานไม้แกะสลัก และหนังสือภาพโบราณที่จำลองจากจิตรกรรมในถ้ำโม่เกา นี่จึงไม่ใช่แค่ตลาดสำหรับซื้อของ แต่เป็น “พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง” ที่สะท้อนความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา และศิลปะในพื้นที่ที่เคยเป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหมมาก่อน บรรยากาศของตลาดยังเหมาะอย่างยิ่งกับการพักผ่อนหลังจากวันอันเหนื่อยล้าจากทะเลทราย เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวได้ปลดปล่อยอารมณ์ ท่ามกลางเสียงหัวเราะ แสงไฟ และวัฒนธรรมที่ยังมีลมหายใจจริงในเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้

เวลาเปิด–ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดตั้งแต่ 18:00 – 24:00)

ค่าเข้าชม : ฟรี

พิกัด GPS : ละติจูด 40.1420° N , ลองจิจูด 94.6610° E

.

ตุนหวงเป็นจุดหมายปลายทางที่เกินความคาดหมายสำหรับผู้รักประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิทัศน์อันยิ่งใหญ่กลางทะเลทราย ด้วยสถานที่ไฮไลต์อย่าง ถ้ำโม่เกา ซึ่งเป็นขุมทรัพย์พุทธศิลป์ระดับโลก, หมิงซาซาน กับเสียงกระซิบของภูเขาทราย, และ ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว ที่เปรียบเสมือนอัญมณีท่ามกลางผืนทราย นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ตุนหวง ที่เติมเต็มความเข้าใจในเส้นทางสายไหม, ด่านโบราณอย่าง หยางกวน และ จั่วกวน ที่เล่าเรื่องชายแดนจีนโบราณได้อย่างมีชีวิต รวมถึงซาก หอคอยสัญญาณควัน ที่แสดงระบบเตือนภัยอันล้ำยุคของราชวงศ์ฮั่น ถ้ำพุทธศิลป์อย่าง ยวี่หลิน ที่เงียบงามแต่งดงามไม่แพ้ถ้ำพี่น้อง, วัดเล่ยอิน ที่อบอวลด้วยพลังทางจิตวิญญาณ และสุดท้ายกับ ตลาดกลางคืนซาซโจว ที่เป็นหัวใจของวิถีท้องถิ่นตุนหวง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจที่หลอมรวมอดีต ปัจจุบัน และจิตวิญญาณไว้ในสถานที่เดียวครับ

เที่ยวตุนหวง การเดินทางสู่ตุนหวงไม่ใช่เพียงแค่การไปเยือนเมืองหนึ่งในทะเลทราย แต่มันคือการเดินทางย้อนเวลา-กลับไปสู่เส้นทางที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นเลือดใหญ่ของโลกตะวันออกและตะวันตก หากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่มีทั้งมนต์ขลังของธรรมชาติ กลิ่นอายของอารยธรรม และความสงบที่สะท้อนภายในใจ ตุนหวงคือคำตอบที่แท้จริงบนผืนแผ่นดินจีน ที่นี่ไม่ได้ให้แค่ภาพถ่ายสวยงามหรือความตื่นเต้นระหว่างทาง แต่จะมอบ “ความหมายของการเดินทาง” ที่ลึกซึ้งและไม่ลบเลือนไปตามกาลเวลา

>> เที่ยวเฉิงตูน่าเที่ยวยังไง คลิก

ชอบบทความและสนันสนุนให้กำลังใจเราชาวเอสพี ทำไงดีนะ…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบทความดีๆบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook  https://facebook.com/spregaltravel/

“เรามุ่งมั่นที่จะทำทัวร์ท่องเที่ยวให้แตกต่างจากทั่วไป สถานที่ที่คุณจะได้ไปนั้นนอกจากจะได้ท่องเที่ยวพักผ่อนไปกับเราแล้วเรายังเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับคุณอีกด้วย กับแผนการเดินทางที่แตกต่างและไม่จำเจเหมือนกับทั่วๆไป อีกทั้งคุณยังได้รับการดูแลและมีบริการที่แตกต่าง ให้คุณเปรียบเสมือนคนพิเศษ ให้ได้รู้สึกสัมผัสการไปเที่ยวไม่เหมือนใคร และจะประทับใจแบบไม่มีทางลืมได้เลย..” คุณสามารถติดต่อหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้เพื่อเลือกเคมเปญที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณ

💬 ติดต่อเราได้เลย!

        • โทรด่วนได้ที่ 082-036-5184
        • ส่งภาพหน้างานและพูดคุยได้ที่ Line
          เพิ่มเพื่อน
        • Email : spregaltravel@hotmail.com
        • ติดตามเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/spregaltravel/