เที่ยวเซี่ยงไฮ้ | เมืองใหญ่ทันสมัยที่สุดในจีน กับเสน่ห์ไม่สิ้นสุดทั้งวันและคืน
เที่ยวเซี่ยงไฮ้ 🇨🇳เมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) คือมหานครที่ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว เมืองนี้ไม่ใช่แค่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของจีน แต่ยังเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรม ความทันสมัย และประวัติศาสตร์ที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ตั้งแต่ตึกระฟ้าเขตผู่ตงที่ส่องแสงเจิดจ้าตลอดคืน ไปจนถึงตึกโบราณสไตล์ยุโรปริมแม่น้ำหวงผู่ เซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยสีสันของการใช้ชีวิต ที่เที่ยวหลากหลาย อาหารเลิศรส และบรรยากาศเมืองใหญ่ที่พร้อมต้อนรับทั้งนักเดินทางสายลุย นักถ่ายภาพ นักช้อปปิ้ง ไปจนถึงสายครอบครัว นี่คือเมืองที่คุณจะหลงรักตั้งแต่แรกเห็น
.
เที่ยวเซี่ยงไฮ้ | 🗺️ เซี่ยงไฮ้อยู่ส่วนไหนของจีน ภูมิประเทศเป็นอย่างไร และเดินทางจากไทยไปยังไง❓
เซี่ยงไฮ้อยู่ตรงไหนของจีน🧐
เซี่ยงไฮ้ (Shanghai / 上海) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศจีน บนชายฝั่งทะเลจีนตะวันออก (East China Sea) โดยมีแม่น้ำหวงผู่ (Huangpu River / 黄浦江) ไหลผ่านกลางเมือง ก่อนจะไหลออกสู่แม่น้ำแยงซีเกียง (Yangtze River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดของจีน
จากมุมมองภูมิศาสตร์ เซี่ยงไฮ้ถือเป็นเมืองชายฝั่งที่ตั้งอยู่ตรงปากแม่น้ำแยงซี และอยู่ในบริเวณ “สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี” (Yangtze River Delta) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญและเจริญที่สุดแห่งหนึ่งของจีน โดยรอบมีเมืองใหญ่อย่างหางโจว (Hangzhou), ซูโจว (Suzhou) และหนิงโป (Ningbo) ล้อมรอบ ถือเป็น “ใจกลางเศรษฐกิจจีนตะวันออก”

.
ภูมิประเทศของเซี่ยงไฮ้ 🌅
ภูมิประเทศของเซี่ยงไฮ้โดยรวมค่อนข้างราบเรียบ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ มีระดับความสูงเฉลี่ยเพียง 4 เมตรจากระดับน้ำทะเลเท่านั้น พื้นที่โดยมากเป็นเขตชุมชนเมือง หนาแน่นด้วยอาคารสูง เส้นทางรถไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำหวงผู่คือ “เขตผู่ซี” (Puxi) เป็นเขตเมืองเก่าที่มีตึกโบราณสไตล์ยุโรป เช่น The Bund, ถนนนานกิง ฯลฯ ส่วนฝั่งตะวันออกคือ “เขตผู่ตง” (Pudong) ซึ่งเจริญแบบทันสมัย มีตึกระฟ้า เช่น Shanghai Tower, Oriental Pearl Tower และย่านการเงิน Lujiazui
ด้วยภูมิประเทศที่ติดทะเล เซี่ยงไฮ้จึงมี ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น (humid subtropical) ฤดูหนาวอากาศหนาวแต่ไม่ถึงขั้นติดลบ ฤดูร้อนร้อนชื้นคล้ายกรุงเทพ และมีฝนตกชุกในช่วงพฤษภาคม–กันยายน

.
การเดินทางจากประเทศไทยไปเซี่ยงไฮ้ ✈️
✅ บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปเซี่ยงไฮ้ การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) หรือดอนเมือง (DMK) ไปยังสนามบินนานาชาติเซี่ยงไฮ้ผู่ตง (Shanghai Pudong International Airport / PVG) มีสายการบินที่ให้บริการ: Thai Airways, AirAsia, Spring Airlines, China Eastern ฯลฯ โดยใช้ระยะเวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง 15 นาที สนามบินปลายทาง: ส่วนใหญ่ลงที่ PVG ซึ่งมีรถไฟความเร็วสูง Maglev และ Metro เชื่อมต่อสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน (ปี 2567) คนไทยสามารถเข้าเซี่ยงไฮ้ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า หากพำนักไม่เกินระยะเวลาที่จีนกำหนดไว้ในนโยบาย “ฟรีวีซ่า”
🛣️ จากสนามบินเข้าสู่ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ คุณสามารถใช้บริการรถไฟ Maglev โดยใช้เวลาเพียง 7 นาทีจากสนามบินผู่ตงถึงสถานี Longyang Road ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 430 กม./ชม. หรือรถไฟใต้ดิน (Metro Line 2): สะดวกและราคาถูก เชื่อมตรงถึงย่าน Nanjing Road และ People’s Square แต่หากคุรอยากรวดเร็วคุณสามารถใช้บริการแท็กซี่หรือแอป Didi: ค่าโดยสารประมาณ 150–200 หยวน ใช้เวลาราว 40–60 นาที
🚗 หากเดินทางต่อจากเมืองอื่นในจีน เซี่ยงไฮ้นั้นเชื่อมต่อด้วยรถไฟความเร็วสูง (High-Speed Rail / HSR) กับเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เช่น ปักกิ่ง → เซี่ยงไฮ้ ใช้เวลาประมาณ 4.5–6 ชั่วโมง ,หางโจว → เซี่ยงไฮ้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ,ซูโจว → เซี่ยงไฮ้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ,หนานจิง → เซี่ยงไฮ้ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง โดยสถานีหลักคือ Shanghai Hongqiao Railway Station ซึ่งอยู่ติดกับสนามบิน Hongqiao และมีระบบรถไฟใต้ดินเชื่อมต่อทุกเขตในเมือง
.
เที่ยวเซี่ยงไฮ้ | 🟧 ประวัติศาสตร์เมืองเซี่ยงไฮ้จากหมู่บ้านชาวประมง➡︎สู่มหานครโลก
เซี่ยงไฮ้ (Shanghai / 上海) เป็นหนึ่งในเมืองที่มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์น่าสนใจที่สุดของจีน จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในฐานะหมู่บ้านชาวประมงริมแม่น้ำแยงซี สู่การเป็นมหานครระดับโลกที่เปี่ยมไปด้วยพลังเศรษฐกิจ ความทันสมัย และวัฒนธรรมข้ามพรมแดนอย่างน่าทึ่ง
🟨 จุดเริ่มต้นเมืองหน้าด่านทางตะวันออกของจีน
ในอดีต เซี่ยงไฮ้เป็นเพียงชุมชนชาวประมงเล็กๆ ชายฝั่งทะเลจีนตะวันออก สันนิษฐานว่ามีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 265–420) และเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในช่วงราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) โดยในปี ค.ศ. 1292 สมัยราชวงศ์หยวน เซี่ยงไฮ้ได้รับการยกฐานะเป็นเขตปกครองระดับมณฑลอย่างเป็นทางการ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งเมืองอย่างเป็นระบบ
เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ปากแม่น้ำแยงซี เซี่ยงไฮ้กลายเป็นจุดเชื่อมสำคัญระหว่างการค้าทางบกและทางน้ำ โดยเฉพาะในยุคราชวงศ์หมิงและชิงที่มีระบบการขนส่งสินค้าเฟื่องฟูผ่านคลองใหญ่ (Grand Canal) และแม่น้ำสายหลักต่างๆ เซี่ยงไฮ้เริ่มเป็นศูนย์กลางค้าฝ้าย ผ้าไหม และชา ที่เชื่อมโยงกับเมืองในแดนใต้และทะเลจีนใต้
.
🟨 ยุคล่าอาณานิคมเซี่ยงไฮ้กับโลกตะวันตก
จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของเมืองเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 หลังจาก สงครามฝิ่นครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1839–1842) จีนพ่ายแพ้ต่ออังกฤษ และถูกบังคับให้ลงนามในสนธิสัญญานานกิง ซึ่งเปิดเมืองท่าหลายแห่งของจีนให้ค้าขายกับต่างชาติ เซี่ยงไฮ้กลายเป็นเมืองท่าหลักที่เปิดประตูสู่โลกตะวันตกอย่างเต็มรูปแบบ
ภายหลัง อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ และญี่ปุ่นต่างก็เข้ามาจัดตั้ง “เขตสัมปทาน” ในเซี่ยงไฮ้ ทำให้เมืองกลายเป็นดินแดนพิเศษที่มีการปกครองแบบตะวันตกผสมอยู่กับวัฒนธรรมจีน เกิดเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เช่น สถาปัตยกรรมแบบยุโรปบนถนน The Bund, เขตฝรั่งเศส (French Concession), และการก่อตั้งสถานกงสุล โรงเรียน มิชชันนารี และสโมสรต่างๆ
เซี่ยงไฮ้ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 จึงได้รับฉายาว่า “ไข่มุกแห่งตะวันออก (Paris of the East)” เต็มไปด้วยสีสันทางวัฒนธรรม ความมั่งคั่ง การลงทุนต่างชาติ และชีวิตกลางคืนที่รุ่งเรืองอย่างไม่เคยมีมาก่อนในจีนยุคนั้น

.
🟨 สงคราม–ปฏิวัติ–ฟื้นตัว: ความผันผวนในศตวรรษที่ 20
แต่ช่วงรุ่งเรืองกลับถูกแทรกด้วยความโกลาหลจาก สงครามจีน–ญี่ปุ่น (ค.ศ. 1937–1945) ซึ่งเซี่ยงไฮ้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่นหลายปี เมืองได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างหนัก หลังสงครามโลกสิ้นสุดลง แม้เซี่ยงไฮ้จะฟื้นตัวบ้าง แต่ก็ยังไม่กลับมารุ่งเรืองเท่าเดิม
เมื่อ พรรคคอมมิวนิสต์จีนขึ้นสู่อำนาจในปี ค.ศ. 1949 เขตสัมปทานต่างชาติถูกยกเลิกและเซี่ยงไฮ้กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีนอย่างสมบูรณ์ ช่วงปี 1950s–1970s เมืองนี้ถูกจำกัดบทบาททางเศรษฐกิจและการค้า เนื่องจากนโยบายปิดประเทศและความเข้มงวดทางการเมือง เช่น การปฏิวัติวัฒนธรรม

.
🟨 จากการเปิดประเทศสู่มหานครโลก
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1990 รัฐบาลจีนได้เลือกเขตผู่ตง (Pudong) ของเซี่ยงไฮ้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ และเริ่มโครงการพัฒนาขนาดใหญ่เพื่อให้เซี่ยงไฮ้กลับมาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลกอีกครั้ง ภายในไม่ถึง 30 ปี เมืองนี้เปลี่ยนจากท่าเรือธรรมดาๆ สู่ศูนย์กลางการเงิน เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
ทุกวันนี้ เซี่ยงไฮ้เป็นที่ตั้งของอาคารระฟ้าอย่าง Shanghai Tower, เขตการเงิน Lujiazui, สนามบินนานาชาติที่เชื่อมต่อโลกทั้งใบ และยังเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก เช่น World Expo 2010 รวมถึงได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย

.
เซี่ยงไฮ้จึงไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยว แต่เป็นฉากชีวิตของการเปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์จีน—จากเมืองริมแม่น้ำสู่มหานครที่มีบทบาทระดับโลก
.
🏙️ 20 ที่เที่ยวเซี่ยงไฮ้ห้ามพลาด (อัปเดตล่าสุด)
1. เดอะบันด์ (The Bund / 外滩)📍
เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ที่แรกที่ไม่ควรพลาดเลยก้คือที่นี่ครับ “เดอะบันด์ (The Bund)” คือถนนเลียบแม่น้ำหวงผู่ที่ทอดยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่สุดของเซี่ยงไฮ้มาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ด้วยอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปจำนวนมากที่เรียงรายอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของธนาคาร สถานกงสุล และบริษัทการค้าของชาติตะวันตกช่วงยุคล่าอาณานิคม The Bund เปรียบเสมือนเวทีสะท้อน “อดีตที่รุ่งเรือง” ของเซี่ยงไฮ้ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ท่ามกลางเมืองสมัยใหม่ฝั่งตรงข้าม
ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำคือเขต Lujiazui ในผู่ตง ซึ่งเต็มไปด้วยตึกระฟ้า เช่น Oriental Pearl Tower และ Shanghai Tower การมายืนชมวิวริม The Bund โดยมีแม่น้ำหวงผู่กั้นกลางจึงเสมือนการยืนอยู่ระหว่าง “อดีตและอนาคตของจีน” ไฮไลต์เพิ่มเติมคือตอนกลางคืนที่อาคารสองฝั่งแม่น้ำจะเปิดไฟส่องสว่างงดงาม กลายเป็นวิวเมืองที่โรแมนติกและอลังการที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย

.
เวลาเปิด–ปิด : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้า : ฟรี
พิกัด GPS : 31.2400°N, 121.4900°E
.
2. หอไข่มุก (Oriental Pearl Tower / 东方明珠塔)📍
หอไข่มุก (Oriental Pearl Tower) คือหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งตระหง่านริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำหวงผู่ในย่านผู่ตง สร้างขึ้นในปี 1994 โดยมีความสูงรวม 468 เมตร โดดเด่นด้วยการออกแบบรูปทรงทรงกลมสามลูกซ้อนกันคล้ายไข่มุกที่ร้อยเรียงบนเส้นด้ายทองคำ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากบทกวีจีนโบราณ ปัจจุบันเป็นทั้งหอชมวิว พิพิธภัณฑ์ และศูนย์ความบันเทิงแบบครบวงจร
ภายในหอมีจุดชมวิวหลายระดับ ไฮไลต์อยู่ที่ Sky Walk ชั้น 259 เมตร ที่พื้นทำจากกระจกใส มองเห็นพื้นเมืองเบื้องล่างแบบตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai History Museum) ใต้ฐานหอ ซึ่งจัดแสดงเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านของเมืองตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงถึงยุคทันสมัยแบบอินเทอร์แอคทีฟ เหมาะทั้งกับสายชมวิวและสายเรียนรู้ประวัติศาสตร์เมือง


.
เวลาเปิด–ปิด : 09:00–21:00 น.
ค่าเข้า : 160–220 หยวน (ขึ้นอยู่กับจุดชมวิว)
พิกัด GPS : 31.2397°N, 121.4998°E
.
3. ตึก Shanghai Tower + สกายวอล์ก (Shanghai Tower & Observation Deck)📍
Shanghai Tower คืออาคารที่สูงที่สุดในจีนและเป็นอันดับ 3 ของโลก มีความสูงถึง 632 เมตร จำนวน 128 ชั้น ตั้งอยู่ในเขต Lujiazui ใจกลางศูนย์การเงินผู่ตง สร้างเสร็จในปี 2015 ด้วยสถาปัตยกรรมที่บิดเกลียวขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสง่างาม โดยออกแบบเพื่อให้ลดแรงต้านลมและประหยัดพลังงาน พร้อมระบบรักษ์โลกที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงมากมาย
จุดชมวิว Shanghai Tower Observation Deck ตั้งอยู่บนชั้นที่ 118–121 สูงจากพื้นดินถึง 561 เมตร ทำให้สามารถชมวิวมุมกว้างของเซี่ยงไฮ้ได้แบบ 360 องศา ทั้งฝั่งแม่น้ำหวงผู่ เขตเมืองเก่า และเส้นขอบฟ้าเขต Lujiazui ที่ไม่มีสิ่งใดบดบัง ไฮไลต์อีกจุดคือ Sky Lobby และลิฟต์ความเร็วสูงที่สุดในโลก (74 กม./ชม.) ที่พาคุณขึ้นสู่ยอดตึกภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที

.
เวลาเปิด–ปิด : 08:30–22:00 น. (ปิดเข้าคิว 21:30)
ค่าเข้า : 180 หยวน (Observation Deck ชั้น 118–121)
พิกัด GPS : 31.2336°N, 121.5055°E
.
พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้เป็นพิพิธภัณฑ์ระดับชาติของจีน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ People’s Square เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1952 ก่อนจะย้ายมาอยู่ในอาคารทรงกลมคล้าย “หม้อสำริดราชวงศ์ซาง” เมื่อปี 1996 อาคารนี้กลายเป็นสัญลักษณ์สถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่ผสมผสานแนวคิดจีนดั้งเดิมเข้ากับความทันสมัย
ภายในจัดแสดงของโบราณมากกว่า 120,000 ชิ้นครอบคลุมทุกแขนงศิลปะจีน เช่น เครื่องเคลือบ, สำริด, ภาพวาด, เครื่องแต่งกายชนเผ่า, เฟอร์นิเจอร์ราชวงศ์หมิง–ชิง และเหรียญเงินตรา ไฮไลต์คือ “ห้องศิลปะคัดลายมือจีน” และ “นิทรรศการประวัติศิลป์สมัยก่อนประวัติศาสตร์” ที่ถ่ายทอดอัตลักษณ์จีนอย่างลึกซึ้ง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเข้าใจวัฒนธรรมจีนผ่านศิลปวัตถุที่หาชมได้ยาก

.
เวลาเปิด–ปิด : 09:00–17:00 น. (เข้าก่อน 16:00)
ค่าเข้า : ฟรี (ต้องแสดงบัตรหรือพาสปอร์ต)
พิกัด GPS : 31.2304°N, 121.4756°E
.
5. People’s Square & ถนนนานกิง (People’s Square + Nanjing Road Pedestrian Street / 人民广场 & 南京路步行街)📍
People’s Square เป็นศูนย์กลางทางการเมือง วัฒนธรรม และการคมนาคมของเซี่ยงไฮ้ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณนี้เคยเป็นสนามแข่งม้าในยุคอาณานิคม ก่อนถูกปรับให้เป็นจัตุรัสกลางเมืองหลังปี 1949 ปัจจุบันรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญ เช่น พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้, โรงละครโอเปร่า, หอศิลป์ และสวนสาธารณะขนาดใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ “ถนนนานกิงฝั่งตะวันออก” ด้วย

.
ถนนนานกิง (Nanjing Road) คือถนนช้อปปิ้งสายหลักที่คึกคักที่สุดในจีน มีความยาวกว่า 5.5 กิโลเมตร แบ่งเป็นสองช่วง โดยช่วง นานกิงตะวันออก (East Nanjing Road) เป็นถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยห้างดัง แบรนด์ระดับโลก ร้านอาหาร และร้านขนมโบราณที่มีประวัติเก่าแก่เกินร้อยปี เหมาะกับทั้งการเดินเล่น ช้อปปิ้ง และชมวิถีชีวิตคนเซี่ยงไฮ้ในแบบ “คนเมืองจริงๆ”

.
เวลาเปิด–ปิด : ตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านค้าส่วนใหญ่เปิด ~10:00–22:00 น.)
ค่าเข้า : ฟรี
พิกัด GPS : 31.2354°N, 121.4829°E
.
6. ย่านฝรั่งเศสเก่า (Former French Concession / 法租界)📍
ย่านฝรั่งเศสเก่า คือหนึ่งในพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดในเซี่ยงไฮ้ ทั้งในแง่สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และบรรยากาศที่แตกต่างจากย่านอื่นๆ ของจีน โดยเป็นพื้นที่ที่ฝรั่งเศสได้รับสัมปทานจากรัฐบาลราชวงศ์ชิงในปี ค.ศ. 1849 หลังสงครามฝิ่น เพื่อใช้เป็นเขตที่อยู่อาศัยและพาณิชย์ของชาวต่างชาติ เขตนี้ถูกขยายเรื่อยๆ และคงอยู่จนถึงปี 1946 กลายเป็นหนึ่งในแหล่งอิทธิพลตะวันตกที่ฝังรากลึกในประวัติศาสตร์เซี่ยงไฮ้
สิ่งที่ทำให้ย่านนี้น่าเดินมากคือ “ความสวยแบบไม่ปรุงแต่ง” อาคารหลายหลังยังเป็นแบบ Art Deco, Baroque, และ Shikumen (เรือนแถวจีนผสมยุโรป) ที่มีอายุนับร้อยปี สองข้างทางร่มรื่นด้วยต้น Platanus หรือ “ต้นอิโต” ที่นำเข้าจากยุโรป ทอดเงาร่มครึ้มทั่วถนนในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีจนกลายเป็นฉากคลาสสิกของเมือง
ย่านนี้เหมาะมากกับการเดินเท้า สำรวจทีละมุม ตั้งแต่ร้านเบเกอรี่โบราณ คาเฟ่สุดชิค ร้านไวน์บูติก ร้านเสื้อผ้าดีไซน์ท้องถิ่น และบ้านเก่า เช่น บ้านของซุนยัตเซ็น, บ้านโจวเอินไหล, และ Sinan Mansions ทุกแห่งเล่าประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติ วรรณกรรม และชนชั้นสูงในยุคที่เซี่ยงไฮ้เป็นประตูสู่โลกตะวันตก

.
เวลาเปิด–ปิด : ตลอด 24 ชั่วโมง (แนะนำช่วงเช้า/เย็น)
ค่าเข้า : ฟรี (บางพิพิธภัณฑ์มีค่าธรรมเนียม 10–20 หยวน)
พิกัด GPS : 31.2153°N, 121.4570°E
.
7. วัดพระหยกขาว (Jade Buddha Temple / 玉佛寺)📍
วัดพระหยกขาวถือเป็นหนึ่งในวัดพุทธมหายานที่สำคัญและงดงามที่สุดในเซี่ยงไฮ้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1882 โดยพระภิกษุ “ฮุ่ยเกิน” (慧根) ซึ่งเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศพม่า และนำพระพุทธรูปหยกขาว 2 องค์กลับมา — หนึ่งองค์เป็นปางสมาธิ ขนาดใหญ่ สูง 1.9 เมตร หนักกว่า 1 ตัน อีกองค์เป็นปางไสยาสน์ขนาดเล็ก
หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุคราชวงศ์ชิงปลายสมัย วัดเดิมได้รับความเสียหายและถูกย้ายมาตั้งใหม่ในปี ค.ศ. 1918 ที่ตำแหน่งปัจจุบันในเขต Jing’an วัดนี้เป็นที่เคารพศรัทธาทั้งในหมู่คนจีนและชาวต่างชาติ ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมจีนแท้ ผังวัดชัดเจน พระประธาน และศาลเจ้าต่างๆ ที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตร
จุดเด่นที่สุดคือ พระพุทธรูปหยกสีขาวจากพม่า ที่ประดิษฐานอยู่ภายในอาคารไม้โบราณ ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนความศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่ยังเป็นผลงานประติมากรรมที่ละเอียดและเปี่ยมด้วยพลังทางจิตใจ บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ มีห้องสวดมนต์ โรงเรียนพระพุทธศาสนา และห้องชาให้นั่งพักจิตใจ

.
เวลาเปิด–ปิด : 08:00–16:30 น.
ค่าเข้า : 20 หยวน (หากเข้าชมพระหยกอีก 10 หยวน)
พิกัด GPS : 31.2412°N, 121.4438°E
.
8. วัดเฉิงหวงเมี่ยว + ถนนโบราณ Yuyuan (城隍庙 & 豫园老街)📍
วัดเฉิงหวงเมี่ยวเป็นวัดสำคัญในศาสนาเต๋า ที่สร้างขึ้นครั้งแรกในยุคราชวงศ์หมิง (ปี 1403) เพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้า “เฉิงหวง” ซึ่งเป็นเทพผู้คุ้มครองเมืองตามความเชื่อของชาวจีน ในอดีต วัดแห่งนี้คือศูนย์รวมความศรัทธา การค้า และชีวิตของคนเมืองเก่าเซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะในช่วงที่เมืองยังไม่ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน
บริเวณรอบวัดได้กลายเป็นแหล่งตลาดและการค้าชุมชนที่มีชื่อว่า Yuyuan Old Street เต็มไปด้วยร้านค้าเก่าแก่ ร้านน้ำชา ร้านขนมพื้นเมืองชื่อดัง เช่น เสี่ยวหลงเปาเจ้าเก่า Nanxiang, ร้านเครื่องลายคราม, ของฝาก, โคมจีน, ของสะสมคลาสสิก บรรยากาศแบบจีนโบราณยังถูกอนุรักษ์ไว้ได้อย่างงดงาม ทั้งลวดลายอาคารไม้ ประตูมังกร และสะพานเก้าหัก
การเดินในย่านนี้เหมือนย้อนกลับไปสู่เมืองจีนยุคศตวรรษที่ 15–19 โดยที่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย เหมาะมากกับการเดินเล่นช่วงบ่าย หาของกิน ถ่ายภาพสถาปัตยกรรม และเรียนรู้วิถีชีวิตจีนดั้งเดิม

.
เวลาเปิด–ปิด : วัด 08:30–16:30 / ร้านค้า 10:00–21:00
ค่าเข้า : วัด 10 หยวน / ถนนโบราณเข้าฟรี
พิกัด GPS : 31.2271°N, 121.4928°E
.
9. สวนอวี้หยวน (Yuyuan Garden / 豫园)📍
สวนอวี้หยวนคือสวนจีนโบราณที่งดงามและมีชื่อเสียงที่สุดของเซี่ยงไฮ้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1559 โดยขุนนางชื่อ “พานอวี้” (Pan Yunduan) เพื่อมอบเป็นสถานที่พักผ่อนของบิดา สวนใช้เวลาสร้างกว่า 20 ปี และผ่านการซ่อมแซมหลายครั้งในประวัติศาสตร์จนกลายเป็นมรดกแห่งชาติ
ตัวสวนมีพื้นที่ประมาณ 2 เฮกตาร์ แบ่งเป็นหกโซนหลัก โดยใช้หลักการออกแบบของสวนจีนแบบคลาสสิก มี ผังทางเดินที่คดเคี้ยว, กำแพงมังกร, บ่อน้ำ, โขดหินประดับ, ต้นไม้เก่าแก่, ศาลาริมน้ำ, และ สะพานหินโบราณ ทุกจุดมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมจีน ทั้งความสงบ ความสมดุล และความเจริญรุ่งเรือง
สวนอวี้หยวนไม่ใช่แค่สถานที่พักผ่อน แต่ยังสะท้อน “จิตวิญญาณของชาวจีนโบราณ” อย่างลึกซึ้ง การเดินชมแต่ละมุมในสวนจึงเหมือนการอ่านบทกวีที่มีชีวิต

.
เวลาเปิด–ปิด : 08:45–16:45 (ปิดเข้าชม 16:00)
ค่าเข้า : 40 หยวน (ฤดูหนาว), 30 หยวน (ฤดูร้อน)
พิกัด GPS : 31.2270°N, 121.4925°E
.
10. ย่านศิลปะเทียนจื่อฝาง (Tianzifang / 田子坊)📍
เทียนจื่อฝางเป็นย่านศิลปะร่วมสมัยที่เกิดจากการปรับปรุงชุมชนเรือนแถวแบบ Shikumen ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวของเซี่ยงไฮ้ที่ผสมผสานบ้านจีนกับอิทธิพลตะวันตก ย่านนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงต้นยุค 2000s เมื่อศิลปินและนักออกแบบเริ่มเข้ามาเช่าพื้นที่เพื่อเปิดแกลเลอรี่ สตูดิโอ ร้านงานคราฟต์ และคาเฟ่เล็กๆ
จุดเด่นของเทียนจื่อฝางอยู่ที่ความคดเคี้ยวของซอย ซอกแซกของตรอกแคบๆ และอาคารอิฐแดงที่ยังคงโครงสร้างเดิมไว้ ทำให้เกิดบรรยากาศ “วินเทจอาร์ต” อย่างแท้จริง ที่นี่มีทั้งร้านโปสต์การ์ด เครื่องหนังทำมือ เสื้อผ้าดีไซน์ท้องถิ่น แกลเลอรี่ภาพวาดร่วมสมัย และร้านอาหารนานาชาติ
เหมาะกับการเดินแบบ slow life เป็นที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่รักความสร้างสรรค์ ชอบถ่ายภาพ หรือหาของขวัญแปลกใหม่ เทียนจื่อฝางจึงเป็นมากกว่าย่านช้อปปิ้ง—แต่มันคือแกลเลอรี่อารมณ์ที่มีชีวิต

.
เวลาเปิด–ปิด : 10:00–22:00 น.
ค่าเข้า : ฟรี
พิกัด GPS : 31.2073°N, 121.4621°E
.
11. M50 Creative Park (M50创意园 / Moganshan 50 Art District)📍
M50 Creative Park หรือที่รู้จักกันในชื่อ Moganshan 50 Art District คือแหล่งรวมศิลปะร่วมสมัยและความคิดสร้างสรรค์ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ริม คลองซูโจว (Suzhou Creek) บนพื้นที่ที่เคยเป็นโรงงานสิ่งทอและโกดังเก่า ซึ่งถูกศิลปินรุ่นใหม่เข้ามาบุกเบิกเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 2000 เพื่อเปลี่ยนพื้นที่อุตสาหกรรมที่ถูกทิ้งร้างให้กลายเป็นศูนย์กลางงานศิลป์ที่เปี่ยมชีวิตชีวา
ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นบ้านของ แกลเลอรี่กว่า 100 แห่ง, สตูดิโอออกแบบ, คาเฟ่ศิลป์ และร้านขายงานฝีมือระดับแนวหน้า มีทั้งงานจิตรกรรม ภาพถ่าย ศิลปะจัดวาง วิดีโออาร์ต และกราฟฟิตี้ผนังที่กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม จุดเด่นของ M50 คือความ “ไม่ถูกปรุงแต่ง” และ “เปิดกว้าง” ให้ศิลปินมีอิสระเต็มที่ ซึ่งคุณจะได้สัมผัสงานศิลป์ทั้งจากจีนและนานาชาติแบบใกล้ชิด
M50 เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะร่วมสมัย อยากเสพแรงบันดาลใจในบรรยากาศสร้างสรรค์ หรือแม้แต่คนที่ไม่ใช่สายอาร์ตก็ยังสามารถมาเดินเล่น ถ่ายรูป หาคาเฟ่นั่งชิลและดื่มด่ำกับโลกของคนรุ่นใหม่ที่ผสมระหว่างวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมกับแนวคิดสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

.
เวลาเปิด–ปิด : 10:00–18:00 น. (บางแกลเลอรี่หยุดวันจันทร์)
ค่าเข้า : ฟรี (บางนิทรรศการเก็บเฉพาะค่าเข้าชมพิเศษ)
พิกัด GPS : 31.2442°N, 121.4380°E
.
12. Shanghai Disney Resort (上海迪士尼乐园)📍
Shanghai Disney Resort คือสวนสนุกระดับโลกแห่งแรกของดิสนีย์ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2016 โดยผสานจินตนาการของดิสนีย์เข้ากับวัฒนธรรมจีนได้อย่างกลมกลืน มีพื้นที่ขนาดมหึมากว่า 390 เฮกตาร์ครอบคลุมสวนสนุก Shanghai Disneyland, โซนพักผ่อน Disneytown, โรงแรมธีมดิสนีย์ 2 แห่ง และทะเลสาบขนาดใหญ่ Wishing Star Lake
สวนสนุกแห่งนี้แบ่งเป็นหลายโซน เช่น Adventure Isle, Tomorrowland, Treasure Cove, และ Fantasyland โดยไฮไลต์คือ Enchanted Storybook Castle ซึ่งเป็นปราสาทดิสนีย์ที่ใหญ่และอลังการที่สุดในโลก สามารถเดินเข้าไปชมภายในได้หลายระดับ ทั้งห้องนิทรรศการ ร้านอาหาร และดาดฟ้าชมวิว อีกหนึ่งเครื่องเล่นที่ห้ามพลาดคือ Tron Lightcycle Power Runเครื่องเล่นความเร็วสูงแนวไซไฟที่สร้างประสบการณ์ล้ำยุคเกินกว่าดิสนีย์ทุกแห่ง
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัว คู่รัก หรือแฟนพันธุ์แท้ดิสนีย์ที่อยากสัมผัสจินตนาการอันเต็มเปี่ยม พร้อมการบริการระดับพรีเมียมและบรรยากาศที่ทั้งเวทมนตร์และอบอุ่นใจ

.
เวลาเปิด–ปิด : 09:00–21:00 น. (ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและวันพิเศษ)
ค่าเข้า : เริ่มต้น ~435 หยวน (ราคาขึ้นอยู่กับวัน–เทศกาล)
พิกัด GPS : 31.1434°N, 121.6589°E
.
13. Long Museum (West Bund) & West Bund Art District (龙美术馆 西岸馆)📍
เที่ยวเซี่ยงไฮ้ เปลี่ยนมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์กันบ้างครับ ที่นี่คือ Long Museum สาขา West Bund ตั้งอยู่ในเขตใหม่ริมแม่น้ำหวงผู่ฝั่งใต้ของเซี่ยงไฮ้ คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอกชนที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งในจีน ก่อตั้งโดยนักสะสมศิลปะระดับตำนาน Liu Yiqian และภรรยาในปี 2014 ตัวอาคารเคยเป็นโรงงานไฟฟ้าเก่า ได้รับการรีโนเวตด้วยดีไซน์คอนกรีตโค้งแบบ “Cave Gallery” โดย Atelier Deshaus ซึ่งกลายเป็นงานสถาปัตยกรรมศิลป์ไปในตัว
ที่นี่มีนิทรรศการทั้งแบบหมุนเวียนและถาวร ครอบคลุมทั้ง ศิลปะจีนร่วมสมัย, ภาพวาดจีนโบราณ, งานจากศิลปินต่างประเทศ, ประติมากรรมสมัยใหม่ ไปจนถึงแฟชั่นและภาพถ่าย ไฮไลต์ของ West Bund ไม่ใช่แค่ตัว Long Museum เท่านั้น แต่ยังรวมถึงแกลเลอรี่ขนาดย่อมอีกหลายแห่ง, โรงละครโอเปร่า, สวนศิลปะริมแม่น้ำ และเลนจักรยานยาวกว่า 8 กิโลเมตรที่เหมาะกับการปั่น/เดินชมวิว
Long Museum จึงเหมาะสำหรับคนรักศิลปะทุกแขนง และคนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายมาเสพความสงบของวัฒนธรรมในพื้นที่ที่ทั้งสวย โมเดิร์น และมีคุณภาพระดับโลก

.
เวลาเปิด–ปิด : 10:00–18:00 น. (หยุดวันจันทร์)
ค่าเข้า : 50–100 หยวน (ขึ้นอยู่กับนิทรรศการ)
พิกัด GPS : 31.1844°N, 121.4573°E
.
14. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Science & Technology Museum / 上海科技馆)📍
Shanghai Science & Technology Museum เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้าน STEM สำหรับเด็กและเยาวชนระดับชาติ เปิดในปี 2001 และมีพื้นที่กว่า 98,000 ตารางเมตร ภายในแบ่งเป็น 14 นิทรรศการถาวร และหลายโซนหมุนเวียนที่เน้นการเรียนรู้แบบปฏิสัมพันธ์ (Interactive Science)
ไฮไลต์สำคัญ ได้แก่ โลกหุ่นยนต์, อาณาจักรแมลง, ห้องทดลองพลังงาน, จำลองโลกสัตว์ป่า, และโซน “มนุษย์กับสุขภาพ” ซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีการแพทย์และกายวิภาคศาสตร์เข้ากับเกมเรียนรู้ อีกจุดห้ามพลาดคือ IMAX Dome Theatre และ โรงฉายภาพยนตร์ 3D ขนาดยักษ์ ที่ใช้เทคโนโลยีเสียง-ภาพทันสมัยที่สุดในจีน
เหมาะมากกับครอบครัว นักเรียน หรือผู้ที่สนใจนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงแบบสนุกและเข้าใจง่าย ทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ก็สามารถเพลิดเพลินได้

.
เวลาเปิด–ปิด : 09:00–17:15 น. (ปิดวันจันทร์)
ค่าเข้า : 45 หยวน (IMAX เพิ่ม 40 หยวน)
พิกัด GPS : 31.2216°N, 121.5446°E
.
15. ท่าเรือ Wusongkou Cruise Terminal & สะพานข้ามแม่น้ำแยงซี (吴淞口邮轮港 + 长江大桥)📍
Wusongkou Cruise Terminal เป็นท่าเรือโดยสารนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำหวงผู่บรรจบกับแม่น้ำแยงซี และทะเลจีนตะวันออก บริเวณนี้คือจุดยุทธศาสตร์สำคัญในเชิงโลจิสติกส์ที่รัฐบาลจีนพัฒนาให้เป็นศูนย์รวมการเดินทางด้วยเรือสำราญและขนส่งทางทะเลระดับโลก
ตัวท่าเรือมีอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่ สถาปัตยกรรมทันสมัย ร้านค้าปลอดภาษี ศูนย์นิทรรศการ และจุดชมวิวริมฝั่งน้ำที่เห็นภาพการสัญจรของเรือขนส่งสินค้าและเรือสำราญยักษ์อย่างใกล้ชิด ด้านเหนือของท่าเรือคือ สะพานข้ามแม่น้ำแยงซี ที่ทอดยาวไปยัง Chongming Island ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างสะพานที่ยาวที่สุดในจีน
บรรยากาศโดยรอบเปิดโล่ง มีวิวแม่น้ำสุดลูกหูลูกตา เหมาะกับการถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกและชมการคมนาคมทางน้ำ ถือเป็นสถานที่ที่ผสมผสาน “มุมอุตสาหกรรม+สถาปัตยกรรม+ท่าเรือโลก” ได้อย่างลงตัว

.
เวลาเปิด–ปิด : พื้นที่ริมฝั่งเปิด 24 ชม. / อาคารท่าเรือ 08:00–18:00 น.
ค่าเข้า : ฟรี (เว้นแต่ใช้บริการเรือสำราญ)
พิกัด GPS : 31.4054°N, 121.4920°E
.
16. Century Park (世纪公园) & พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Ocean Aquarium / 上海海洋水族馆)📍
Century Park เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ในย่าน Pudong ใกล้กับศูนย์แสดงนิทรรศการเซี่ยงไฮ้ใหม่ (Shanghai New International Expo Center) มีพื้นที่กว่า 140 เฮกตาร์ เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2000 และได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด “สวนธรรมชาติในมหานคร” โดยผสมผสานสไตล์สวนจีน อังกฤษ และญี่ปุ่นไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
สวนแห่งนี้มีความหลากหลายทางภูมิทัศน์ ทั้งทะเลสาบขนาดใหญ่ ลานหญ้า ทางเดินปั่นจักรยาน พื้นที่ป่าเทียม และโซนพืชพันธุ์เฉพาะ ทำให้เหมาะกับทั้งครอบครัว คนออกกำลังกาย นักปั่น และผู้ที่อยากหลบหนีจากความเร่งรีบของเมืองใหญ่ ไฮไลต์ที่น่าสนใจ ได้แก่ สวนกุหลาบนานาชาติ, สวนป่าเขตร้อนจำลอง, และการให้อาหารปลาในบึงน้ำ
ไม่ไกลจาก Century Park คือ Shanghai Ocean Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่และล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ไฮไลต์ของที่นี่คือ “อุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก” (กว่า 150 เมตร) ซึ่งให้คุณเดินผ่านไปใต้แทงค์ขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยฉลามราหู ปลาไหลไฟฟ้า เต่าทะเล และสัตว์น้ำหายากจากเขตแม่น้ำแยงซี โซนต่างๆ แบ่งตามภูมิภาค เช่น โซนอเมซอน, แอฟริกา, แอนตาร์กติก, และโซนจีนพื้นเมือง

.
เวลาเปิด–ปิด: Century Park: 07:00–18:00 น. ,Aquarium: 09:00–18:00 น.
ค่าเข้า : สวน: 10 หยวน ,Aquarium: ~160 หยวน
พิกัด GPS : สวน: 31.2198°N, 121.5443°E ,Aquarium: 31.2406°N, 121.4973°E
.
17. สะพานเหล็กหว่านปู่ (Waibaidu Bridge / 外白渡桥)📍
Waibaidu Bridge หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “สะพานเหล็กหว่านปู่” เป็นสะพานเหล็กโครงถักเก่าแก่ที่สุดของเซี่ยงไฮ้ และเป็นหนึ่งในสะพานเหล็กแห่งแรกที่สร้างขึ้นในประเทศจีน ตั้งอยู่ตรงปลายเหนือของ The Bund ข้ามแม่น้ำ Suzhou Creek ซึ่งเป็นสายน้ำสำคัญที่ไหลลงสู่แม่น้ำหวงผู่
สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1856 และได้รับการสร้างใหม่เป็นโครงสร้างเหล็กถาวรในปี 1907 โดยบริษัทต่างชาติ เพื่อให้รองรับรถม้า รถราง และคนเดินในยุคนั้น ด้วยโครงเหล็กถักแนว Neo-Gothic และทางเดินสำหรับคนข้ามสองฝั่ง ทำให้สะพานแห่งนี้กลายเป็นจุดเด่นของเมืองที่มีฉากหลังเป็นวิวตึกสูงของย่าน Lujiazui
Waibaidu Bridge ไม่เพียงแค่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่แสงไฟจากสะพานและจาก The Bund สะท้อนลงแม่น้ำหวงผู่อย่างงดงาม ถือเป็นหนึ่งในจุดชมเมืองที่โรแมนติกและคลาสสิกที่สุดของเซี่ยงไฮ้

.
เวลาเปิด–ปิด : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้า : ฟรี
พิกัด GPS : 31.2454°N, 121.4905°E
.
18. ตลาดกลางคืน Shouning Road Night Market (寿宁路夜市)📍
ถนน Shouning หรือ “Shouning Lu” คือสวรรค์ของคนรักอาหารริมทาง (street food) โดยเฉพาะอาหารทะเลปิ้งย่าง เสี่ยวหลงเปา และอาหารจีนสไตล์เสฉวน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใกล้ย่าน People’s Square ถนนสายนี้คึกคักเป็นพิเศษตั้งแต่เย็นจนถึงค่ำ โดยมีร้านรถเข็นและร้านอาหารเรียงรายสองฝั่งถนนที่มีกลิ่นหอมโชยตลอดเวลา
อาหารที่ขึ้นชื่อของถนนนี้ ได้แก่ หอยเชลล์ย่างกระเทียม, กุ้งเผา, ปูผัดพริก, หอยนางรมย่างชีส, และ หม้อไฟไซส์เล็ก (mini hot pot) รวมไปถึงของกินเล่นอย่าง “มันฝรั่งเกลียวทอด”, “ปลาหมึกเสียบไม้”, “เต้าหู้เหม็นทอด” ฯลฯ
สิ่งที่ทำให้ตลาดนี้พิเศษคือมันยังคง ความเป็นตลาดของชาวเมืองจริงๆ ไม่ได้ถูกปรุงให้เป็นแค่ตลาดนักท่องเที่ยว บรรยากาศตรงไปตรงมา ราคาย่อมเยา และให้รสชาติของเซี่ยงไฮ้แท้ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด ถ้าคุณอยากลิ้มรสชีวิตท้องถิ่นและความอร่อยแบบไม่ปรุงแต่ง

.
เวลาเปิด–ปิด : 17:30–23:30 น.
ค่าเข้า : ฟรี (จ่ายเฉพาะค่าอาหาร)
พิกัด GPS : 31.2237°N, 121.4762°E
.
19. เมืองโบราณ Qibao Ancient Town (七宝古镇)📍
Qibao Ancient Town เป็นเมืองโบราณที่มีชีวิตอยู่ในเขต Minhang ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเซี่ยงไฮ้ อยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 18 กิโลเมตร สามารถเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสาย 9 ได้อย่างสะดวกสบาย ที่นี่เป็นหนึ่งใน “เมืองโบราณแท้ๆ” เพียงไม่กี่แห่งที่ยังหลงเหลือในมหานครยุคใหม่เช่นเซี่ยงไฮ้
เมืองนี้มีประวัติย้อนไปได้ถึง ราชวงศ์ซ่ง (ศตวรรษที่ 10–13) ชื่อ “Qibao” แปลว่า “เจ็ดสมบัติ” ซึ่งเล่ากันว่ามีวัดที่เคยเก็บรักษาสิ่งของวิเศษ 7 ชิ้นไว้ จุดเด่นของเมืองคือสถาปัตยกรรมบ้านไม้โบราณ คลองสายเล็กที่ไหลผ่านใจกลางเมือง และสะพานหินโค้งที่เป็นฉากในภาพวาดจีนโบราณ
ย่านร้านค้าใน Qibao เต็มไปด้วยขนมท้องถิ่น เช่น เค้กข้าวเหนียวไส้ถั่วแดง, เต้าหู้ทอด, บะหมี่มือดึง, และ เหล้าข้าวจีนนอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรี, พิพิธภัณฑ์ผ้าไหม, และบ้านโชว์ศิลปะพื้นบ้านอย่างการตัดกระดาษและพู่กันจีน ที่นี่จึงเป็นมากกว่าสถานที่ถ่ายรูป—แต่คือที่ที่ให้คุณสัมผัสวัฒนธรรมจีนแท้ๆ อย่างมีชีวิต

.
เวลาเปิด–ปิด : 08:30–21:00 น.
ค่าเข้า : ฟรี (พิพิธภัณฑ์บางแห่ง ~5–10 หยวน)
พิกัด GPS : 31.1553°N, 121.3535°E
.
20. ทะเลสาบ Dishui Lake (滴水湖) & พิพิธภัณฑ์เดินเรือแห่งชาติจีน (China Maritime Museum / 中国航海博物馆)📍
เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ที่แนะนำที่สุดท้ายก็คือ Dishui Lake เป็นทะเลสาบเทียมขนาดใหญ่ที่สุดของเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเขต Pudong บริเวณที่เรียกว่า Lingang New Area เป็นพื้นที่พัฒนาทางเศรษฐกิจและนวัตกรรมใหม่ของรัฐบาลจีน ทะเลสาบแห่งนี้ถูกออกแบบให้มีรูปร่าง “หยดน้ำ” และมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 2.5 กิโลเมตร รายล้อมไปด้วยสวนสาธารณะ โรงแรม ศูนย์นวัตกรรม และจุดชมวิวแบบทันสมัย
จุดเด่นคือความเงียบสงบ และทิวทัศน์เปิดโล่งเหมาะกับการปั่นจักรยาน เดินเล่น พักผ่อน หรือชมพระอาทิตย์ตกจากขอบทะเลสาบ นอกจากนี้ยังมี Dishui Lake Observation Tower, ศูนย์การประชุม, และร้านอาหารที่ออกแบบโมเดิร์นสวยงาม
ติดกับทะเลสาบคือ China Maritime Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เดินเรือที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในจีน แสดงทั้งประวัติศาสตร์การเดินเรือจีนตั้งแต่ราชวงศ์หมิงจนถึงยุคปัจจุบัน มีเรือจำลองขนาดเท่าจริง เอกสารโบราณ วิดีโออินเตอร์แอคทีฟ และโมเดลเรือเดินสมุทรกว่า 300 ลำ

.
เวลาเปิด–ปิด : ทะเลสาบ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ,พิพิธภัณฑ์: 09:00–16:30 น. (หยุดวันจันทร์)
ค่าเข้า : ทะเลสาบ: ฟรี ,พิพิธภัณฑ์: 30 หยวน
พิกัด GPS : 30.8863°N, 121.9244°E
.
เที่ยวเซี่ยงไฮ้ เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่แค่เมืองใหญ่ของจีน แต่คือประสบการณ์ระดับโลกที่ผสมผสานอดีต–ปัจจุบัน–อนาคตไว้ในที่เดียว ตั้งแต่ถนนโบราณที่หอมกลิ่นวัฒนธรรมจีน ไปจนถึงตึกระฟ้าที่สะท้อนพลังของเมืองทันสมัยที่สุดในเอเชีย ไม่ว่าคุณจะชอบช้อปปิ้ง ชอบศิลปะ ชอบวัดจีน หรือสวนสนุกระดับโลก เซี่ยงไฮ้มีครบและมากกว่านั้น การเดินทางก็สะดวก อาหารอร่อย วิวก็อลังการจนทำให้คุณต้องหยิบกล้องขึ้นมาทุกระยะ เซี่ยงไฮ้จึงเป็นจุดหมายที่ควรไปสักครั้งในชีวิต—เพราะแค่ได้ยืนริม The Bund มองข้ามไปยังตึกสูงระฟ้าฝั่ง Lujiazui ก็เหมือนได้เห็น “ภาพรวมของจีนยุคใหม่” ด้วยตาของตัวเอง
เที่ยวเซี่ยงไฮ้ เมืองเซี่ยงไฮ้นั้นคือบทเรียนของความเปลี่ยนแปลงที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ทุกวินาที ที่นี่ไม่ได้แค่เก็บอดีต แต่ยังสร้างอนาคตไปพร้อมกันในทุกย่าน ทุกย่านมีเรื่องเล่า และทุกสถานที่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้น และเมื่อได้ก้าวเท้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง คุณอาจจะพบว่าบางสิ่งในเซี่ยงไฮ้…กำลังรอให้คุณมาเริ่มต้นเรื่องราวบทใหม่ที่น่าจดจำ
>> เที่ยวเมืองหลวงของจีน คลิก
ชอบบทความและสนันสนุนให้กำลังใจเราชาวเอสพี ทำไงดีนะ…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบทความดีๆบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook https://facebook.com/spregaltravel/
“เรามุ่งมั่นที่จะทำทัวร์ท่องเที่ยวให้แตกต่างจากทั่วไป สถานที่ที่คุณจะได้ไปนั้นนอกจากจะได้ท่องเที่ยวพักผ่อนไปกับเราแล้วเรายังเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับคุณอีกด้วย กับแผนการเดินทางที่แตกต่างและไม่จำเจเหมือนกับทั่วๆไป อีกทั้งคุณยังได้รับการดูแลและมีบริการที่แตกต่าง ให้คุณเปรียบเสมือนคนพิเศษ ให้ได้รู้สึกสัมผัสการไปเที่ยวไม่เหมือนใคร และจะประทับใจแบบไม่มีทางลืมได้เลย..” คุณสามารถติดต่อหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้เพื่อเลือกเคมเปญที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณ
💬 ติดต่อเราได้เลย!

Comment (0)